macho_luglio 's cargo, Mostly fanfictions.

Archive for 29/05/2017

[Novel] Be[lie]ve. – 13&14

17-05-29-20-51-20-080_deco

 

ตอนก่อนก่อนก่อนก่อนก่อนก่อน

13.

 

 

 

ลมอบอ้าวและเต็มไปด้วยความชื้น คือสัญญาณบอกการมาถึงของฤดูร้อน

 

วาสโก้หรี่ตามองแสงแดดแรงจ้าทั้งที่ยังไม่พ้นเวลาเช้า มือใหญ่กลัดกระดุมเสื้อเชิ้ท รู้สึกอึดอัดจนไม่อยากสวมสูท แต่เพราะจำเป็นจึงจำใจ

 

“ร้อนแบบนี้ แย่เลยนะครับ”

 

เนเว่เดินมาหาที่ข้างหน้าต่าง ในมือมีเนคไทด์ซึ่งเจ้าของลืมหยิบออกมา

 

“ผูกให้หน่อยสิ” คนตัวใหญ่นั่งลงตรงขอบหน้าต่าง เหนี่ยวเอวอีกคนมากอดเอาไว้

 

“แบบดับเบิ้ลน็อตเนอะ” บอกพลางตวัดผืนผ้าหน้ากว้างสี่นิ้วคล้องคอใหญ่  เป็นขนาดและรูปแบบที่เหมาะสมกับสูทสไตล์อิตาเลียนแท้ “ช่วงนี้คุณใส่สูทบ่อยจัง”

 

“…เจ้านายเรียกตัวก็ต้องไปน่ะ” ตอบโดยเลี่ยงไม่ลงรายละเอียด เพราะไม่ต้องการดึงอีกฝ่ายมาเสี่ยงด้วย “ทำไม เบื่อฉันในชุดสูทแล้วเหรอ”

 

“ใครจะเบื่อ อาหารตาชั้นดี” เนเว่รูดปมเนคไทด์ให้เข้าที่ จัดปกเสื้ออีกเล็กน้อย “หล่อแล้วครับ”

 

“ขอบใจ” วาสโก้จูบหน้าผากคนตรงหน้า แล้วลุกขึ้นยืน สำรวจของพกติดตัว

 

มือขาวยื่นกุญแจรถยนต์ให้อย่างรู้ใจ ก่อนขออนุญาต “วันนี้ผมขอใช้มอเตอร์ไซด์นะครับ”

 

“จำเป็นต้องขอทุกครั้งเลยเหรอ” เจ้าของพาหนะหัวเราะเบาๆ “ฉันบอกแล้วไงว่าอยากใช้ก็ใช้ได้เลย”

 

“กลัวโดนหาว่าข้ามหัวคนแก่ ไม่บอกไม่กล่าวก่อน” จบประโยคนั้นก็ต้องร้องโอ๊ยเพราะถูกฟาดก้น

 

“เด็กดี…” ตีเสร็จแล้วขยำต่ออีกเล็กน้อย “วันนี้จะไปไหน”

 

“ไปเยี่ยมพ่อครับ” เนเว่บอก มองสบตา “คราวนี้ไปจริงๆ ไม่ได้โกหก”

 

คำยืนยันนั้นเรียกรอยยิ้มจากคนฟัง “โอเค…”

 

กลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว…ตื่นมาบนเตียงเดียวกัน ส่งใครคนใดคนหนึ่งออกไปทำงาน ตกเย็นกลับบ้าน เพื่อจะเข้านอนร่วมเตียงอีกครั้ง

 

เนเว่มองส่งรถยนต์คันใหญ่อีกเช่นเคย…โดยไม่รู้ตัว เขาทำแบบนี้มาหลายเดือน…เวลาเป็นสิ่งน่ากลัว ไม่ทันไรก็อาศัยร่วมบ้านเดียวกันมาครึ่งปีแล้ว

 

ตอนที่ขึ้นมาบนภูเขานี้ครั้งแรก…เขารู้ว่านี่คือบ้านของใคร เพราะเขาดักข่าวได้ว่านายใหญ่และนายหญิงแห่งวอลเธอร์ อาจจะไปเยี่ยมลูกเขยที่นอกเมือง

 

เขาใช้โอกาสนั้นตั้งปืนไรเฟิลรอท่ามกลางสภาพอากาศอันโหดร้าย…และเกือบตายเพราะการคาดเดาอันผิดพลาด

 

บังเอิญถูกช่วยเอาไว้…ด้วยคนที่ไม่ควรเข้าใกล้…และฉวยโอกาสทุกครั้งที่โทรศัพท์ดัง เพื่อออกไปดักสังหารใครที่อาจจะเดินทางมา

 

ทว่า…เป้าหมายดูจะไม่เข้าระยะยิงโดยง่าย เขาต้องเป็นฝ่ายเดินหน้า แทนที่จะรอคอยจัดการในที่ลับตาแบบเก่า เส้นสายข่าวทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น เหลือเพียงแค่รอเวลาเหมาะสม…

 

…ความกังวลหนึ่งเดียว คือผู้ชายที่เผลอกายเผลอใจให้…

 

ตระกูลวอลเธอร์ทำเรื่องเลวร้ายและกิจการเลวทรามหลายอย่าง หากวาสโก้ยังไม่ถึงขั้นนั้น เขาเพียงแค่ถูกวางเป็นทายาทสืบต่อ แม้จะมีส่วนรู้เห็นมากมาย ตัวอย่างเช่นการปลูกฝิ่นในที่ดิน แต่ก็ยังไม่เคยลงมืออะไรร้ายแรงเช่นฆ่าคนหรือค้ายา…เท่าที่สืบมาได้

 

เนเว่ไม่รู้ว่าจะกันอีกฝ่ายออกไปให้พ้นวงจรนี้ได้มากแค่ไหน

 

และการจากลาคงจะยากทำใจเช่นกัน…

 

———

 

เพราะอาการของชาร์ลส์ที่ทรุดลงไวกว่าคาด ทำให้วันเข้าโรงพยาบาลต้องเลื่อนขึ้นมาอย่างฉุกละหุก ข้อเสียคือก่อความวุ่นวายให้คนในคฤหาสน์กับภารกิจส่งตัวนายใหญ่ แต่ข้อดีคือศัตรูภายนอกไม่มีเวลาตั้งหลักโจมตีได้ทัน

 

ในบรรดาผู้รับใช้ทั้งหมดนั้น วาสโก้ผูกพันกับ ‘อากาธา’มากสุด เธอเป็นหัวหน้าแม่บ้านที่คอยช่วยแม่เลี้ยงดูเขามา อากาธาเป็นหญิงร่างกลมอวบ ผมยังดำสนิทแม้อายุมากแล้ว ผิวเหลืองเหมือนขนมมัฟฟินอบใหม่ รอบตัวให้บรรยากาศสดใสเสียจนไม่น่าเชื่อว่าจะทำงานให้ตระกูลทรงอิทธิพลด้านมืด

 

วาสโก้ช่วยเธอหอบหิ้วของใช้จำเป็นของชาร์ลส์ เสื้อผ้าไม่จำเป็นเพราะต้องใส่ชุดคนป่วย แต่นายใหญ่ต้องการให้ที่พักทุกแห่งไม่ต่างจากบ้าน ของอื่นยังพอใช้คนทั่วไปยกได้ แต่สมบัติส่วนตัวที่มีมูลค่า ชาร์ลส์ไว้ใจแค่เพียงอากาธาและวาสโก้

 

หลังส่งตู้เซฟเข้าห้องเสร็จ สองคนต่างวัยจึงได้หยุดพักเสียที

 

“เอกสารสำคัญทางการเงินเนี่ย ฉันเข้าใจนะว่าต้องติดตัวมาเผื่อเลือกใช้” แม่บ้านร่างกลมบ่นขณะปาดเหงื่อ “แต่ทองแท่งเนี่ยสิ ไม่รู้จะเอามาทำไม ทำอย่างกับจะมีใครมางัดตู้เซฟที่คฤหาสน์”

 

วาสโก้พอจะรู้นิสัยอดีตพ่อตา จึงสามารถให้เหตุผลได้ “เป็นความยึดติดอย่างหนึ่งของนายท่านน่ะครับ เขาฝังใจกับการครอบครองทองแท่ง หวาดระแวงถ้าไม่ได้เก็บอยู่ใกล้ตัว”

 

“แหม…ไม่ได้เกิดในยุคตื่นทองเสียหน่อย” อากาธาส่ายหน้า เธอกับเจ้านายมีอายุไม่ห่างกันนัก ถือว่าร่วมรุ่นกันมา “แล้วนี่ ต้องไปที่ไหนต่ออีกรึเปล่าลูก”

 

คนถูกเรียกว่า ‘ลูก’ ยิ้มให้หญิงสูงวัย เธอเป็นดั่งแม่คนที่สองของเขา “ตอนแรกนายหญิงอยากให้ผมตามไปดูโรงงานด้วยกัน แต่ทางคฤหาสน์โทรแจ้งว่าโรซาเลียกลับมาอีกหน…”

 

“โธ่ คุณหนู!” แม่บ้านอุทาน เพราะรู้ดีถึงพิษสงของหญิงสาวหัวขบถ “ท่านเฮนเรียตต้าเลยต้องรีบกลับไปสินะ เอ…หรือว่าที่นายท่านเอาทองมาเก็บไว้ข้างเตียง คงเพราะกลัวคุณหนู”

 

“ฮ่ะๆ…ไม่รู้สิครับ” วาสโก้ถอนหายใจ ยังจำอดีตตอนที่โรซาเลียหนีออกไปกับคนรักได้ เธอกวาดเครื่องเพชรมูลค่านับสิบล้านไปด้วย…

 

“แสดงว่าช่วงบ่ายว่างสินะ ป้าก็อยากจะชวนไปกินมื้อเย็นด้วยกัน แต่คุณหนูกลับมาแบบนี้ รีบกลับไปช่วยรับมือดีกว่า” มืออวบบีบไหล่ของคนที่เป็นดั่งลูกชาย “แต่ต่อไปเราจะได้พบกันบ่อยขึ้นสินะลูกเอ้ย”

 

“หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นครับ” ชายหนุ่มก้มลงไปหอมแก้มเธอ “ผมไปก่อนนะ”

 

อากาธาเหนี่ยวคอแล้วหอมแก้มซ้ายขวารัวๆ ราวกับว่าคนตรงหน้ายังเป็นเด็กชายตัวน้อย วาสโก้หัวเราะแล้วกอดเธอเต็มอ้อมแขน และเมื่อเงยหน้าขึ้นมา ก็พบใครบางคนยืนมองอยู่

 

“เนเว่”

 

เจ้าของชื่อทำตาโต ไม่ได้มีความหึงหวง(แหงล่ะ) แต่ประหลาดใจกับบรรยากาศอบอุ่นตรงหน้า

 

วาสโก้ผละจากอากาธาไปหาหนุ่มน้อย “มาทำอะไรที่โรงพยาบาล”

 

เนเว่ส่งยิ้มให้แม่บ้าน กำลังจะอ้าปากตอบ ทว่าถูกเสียงอากาธาแทรกเสียก่อน

 

“คุณพระ…วาสโก้ เธอแอบไปมีลูกโตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!”

 

ชายหนุ่มหันไปมองหญิงสูงวัยจนคอแทบหัก จังหวะเดียวกับที่เนเว่ระเบิดเสียงหัวเราะลั่นอย่างกลั้นไม่ไหว

 

“พอแล้ว…หยุดได้แล้ว” มือใหญ่บีบศีรษะเล็ก

 

“ขอโทษครับ ฮ่ะๆๆๆ โอยยย เล็กบีบได้แล้ว” บอกพลางเช็ดน้ำตา ตั้งสติแล้วเริ่มแนะนำตัวกับคนเพิ่งรู้จัก “ผมชื่อเนเว่ครับ เป็น…เอ่อ…ลูกจ้างของคุณวาสโก้”

 

อากาธายกมือทาบอก “ตายแล้ว…ฉันขอโทษนะจ้ะ เพราะอายุห่างกันเลยเข้าใจผิด”

 

“อันที่จริง” วาสโก้สูดลมหายใจ…เขาไม่อยากปิดบังคนที่ตนเองมองเหมือนแม่ “เขาไม่ใช่ลูกจ้างของผมหรอก…เป็นคนที่อยู่กินด้วยตอนนี้

 

เป็นคราวเนเว่หันจนคอแทบหัก เมื่อครู่เขาอุตส่าห์โกหกให้เพราะกลัวจะลำบากใจ กลายเป็นอีกฝ่ายเปิดเผยเอง แถมยังใช้คำลงหลักปักฐาน…หัวใจในอกจึงเต้นถี่ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

 

อากาธาทำตาโตบ้าง ก่อนจะคลี่ยิ้มกว้าง  “โอ้โห…กินเด็ก”

 

มือที่วางอยู่บนศีรษะเลื่อนลงมาโอบบ่าเล็ก

 

“ฉันอ่านสีหน้าเธอได้พ่อหนุ่มน้อย” แม่บ้านมองด้วยสายตาอ่อนโยน “เธอกำลังแปลกใจว่าทำไมฉันไม่รังเกียจ…ถ้าเธอเคยมีประสบการณ์แบบฉัน เลี้ยงคุณหนูคนหนึ่งมากับมือ แล้วอยู่ดีๆ เธอก็ชอบเพศเดียวกันทั้งที่ไม่เคยมีวี่แววมาก่อน หลังจากนั้นเธอเจออะไรก็จะไม่แปลกใจแล้วล่ะ”

 

เนเว่กะพริบตา ก่อนจะคลี่ยิ้มละมุนออกมา “ขอบคุณนะครับ…”

 

“เขาน่ารักมากนะ” อากาธาขยิบตาให้วาสโก้ และหันหลังเดินตรงไปยังทางออกจากโรงพยาบาล “พาเขามาทานมื้อค่ำกับฉันบ้างนะเจ้าลูกชาย”

 

สองคนมองอากาธาจนลับตา บรรยากาศทำตัวไม่ถูกแต่อบอุ่นวนเวียนอยู่รอบๆ วาสโก้กระแอมในลำคอ และเป็นฝ่ายพูดก่อน

 

“เธอชื่ออากาธา เป็นแม่บ้านประจำตระกูล แล้วก็เป็นเหมือนแม่ของฉันด้วย” มือใหญ่บีบไหล่เล็กและถามต่อ “ว่าแต่ นายมาทำอะไรที่นี่”

 

“ผมมาเยี่ยมพ่อ” เนเว่เงยหน้าขึ้นมอง “อ๊ะ ผมลืมบอกไปสินะครับ พ่อของผมมีอาการบาดเจ็บเรื้อรัง ต้องเข้ามารักษาและทำกายภาพบำบัดเป็นระยะ”

 

“อย่างนั้นเหรอ…” ชายหนุ่มพยักหน้า “แล้วนี่เพิ่งมาหรือกำลังจะกลับ”

 

“เพิ่งมาครับ” บอกเสร็จแล้วจึงนิ่งไปอึดใจ ก่อนจะถามต่อด้วยเสียงแผ่วลง “…คุณอยากจะพบพ่อของผมบ้างไหม”

 

วาสโก้ตอบไม่ถูก แต่เมื่อครู่เขาเพิ่งแนะนำเด็กคนนี้กับอากาธาผู้เป็นเหมือนแม่ การที่เนเว่จะชวนเขาบ้างจึงไม่แปลกนัก

 

บอกตามตรงว่าเขายังไม่พร้อม แต่จะตอบหักหาญนัยน์ตาสีฟ้าที่มองมาอย่างมีความหวังคงจะทำไม่ได้

 

เมื่อคนตัวใหญ่พยักหน้า เนเว่จึงยิ้มออก เขาเดินนำไปยังลิฟต์ในอาการ กดชั้นที่เป็นห้องพักของพ่อ

 

……

 

 

ในเวลาไม่นานนัก วาสโก้พบว่าตนเองกำลังยืนประหม่าอยู่ต่อหน้าชายสูงวัยสองคน คนหนึ่งเอนหลังอยู่บนเตียง อีกคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ใกล้กัน

 

“พ่อครับ นี่วาสโก้ อินาร์ริตู” เนเว่ยิ้มกว้างขณะแนะนำคนมาด้วย “นี่พ่อของผมกับอังเดรครับ”

 

“คริสเตียโน่ ลีโอ เรโก้” ดวงตาสีฟ้าคมกริบมองมาขณะแนะนำตัว ผมยังคงเข้มดำ หากหนวดเคราเริ่มหงอกขาว รูปร่างกำยำเสียจนถ้าไม่เห็นผ้าพันแผลพาดอยู่จากไหล่ลงไปยังสีข้างด้านขวา คงไม่นึกว่านี่จะเป็นผู้บาดเจ็บ

 

นี่เหรอคนอายุห้าสิบห้าปี ถ้าให้ลุกมาสู้ วาสโก้ไม่ค่อยมั่นใจว่าจะเอาชนะได้

 

“ยินดีที่รู้จักนะวาสโก้ ฉันชื่ออังเดร” เสียงนุ่มนวลแนะนำตัวต่อจากคนไข้…อังเดรอายุหกสิบปีแล้ว แต่รูปร่างยังเพรียวลม แผ่นหลังตั้งตรงสง่า เส้นผมทั้งศีรษะออกเทาให้สีคล้ายคลึงกับนัยน์ตาคู่สวย…ริ้วรอยแห่งวัยบนใบหน้าไม่อาจทำลายความงามสะกดใจนั้นได้

 

วาสโก้อึ้งไป…ไม่นึกว่านอกจากเฮนเรียตต้าแล้ว เขาจะสามารถชมใครที่กำลังย่างเข้าสู่วัยชราว่า ‘สวย’ ได้อย่างเต็มปากอีก…แต่อังเดรเป็นเช่นนั้น เป็นชายผู้งดงามเหมือนกลีบดอกไม้ที่ร่วงโรยจากต้นจนพร่างพราวตา

 

เนเว่ใช้ศอกสะกิด เมื่อเห็นว่าคนตัวใหญ่มองอังเดรนานเกินควร

 

“สวัสดีครับ…” ชายหนุ่มทักทายผู้สูงวัยกว่าทั้งสอง

 

เพราะเห็นแววประหม่าของคนข้างตัว เนเว่เลยเลือกที่จะแนะนำความสัมพันธ์ไม่ลึกซึ้งนัก “วาสโก้คือเจ้าของบ้านที่ผมอาศัยอยู่ด้วยตอนนี้ครับ”

 

แต่อังเดรกลับหัวเราะแผ่วเบา “เนเว่…เป็นอะไรกับเขาก็บอกให้ชัดเถอะ”

 

“หา! หมายความว่ายังไง” คริสเตียโนเลิกคิ้วใส่คนนั่งข้างเตียง

 

เนเว่รู้สึกร้อนผ่าวบนผิวแก้มขณะปั้นหน้ายาก…พ่ออาจจะดูไม่ออก แต่เขาปิดบังสายตาของอังเดรไม่ได้เลย นี่ขนาดพามาแนะนำไม่ถึงสิบนาที

 

ว้าวุ่นอยู่หลายอึดใจ ก่อนจะใช้คำเดียวกับที่วาสโก้เคยแนะนำเขากับอากาธา  “ผมคบอยู่กับวาสโก้ครับ…”

 

แต่คราวนี้ไม่มีมือใหญ่ยื่นมาโอบบ่า เพราะวาสโก้ยืนตัวแข็งไปแล้ว

 

ไม่ให้กลัวได้ไง ในเมื่อมีสายตาดุดันราวกับสิงโตของคริสเตียโน่จ้องเขม็ง

 

“ไม่ต้องเกร็งหรอกวาสโก้” อังเดรหัวเราะ ยื่นมือไปทุบแผลกลางอกของคนบนเตียง เรียกเสียงคำรามเบาๆ อย่างเจ็บปวด “ฉันกับเขา ก็เป็นเหมือนพวกเธอ”

 

คนฟังทำหน้างง คนตัวเล็กข้างๆ ทำปากขมุบขมิบว่า ‘คนรัก’

 

ที่แท้คนรักของพ่อที่เนเว่เคยเล่าเอาไว้ คืออังเดรนั่นเอง

 

“ฉันกับอังเดร พวกเราเป็น ‘คู่ชีวิต’กัน” คริสเตียโน่บอกเสียงมั่นคง หลังฟื้นตัวจากการถูกทุบแผล… เขาหันไปมองลูกชายผู้มีดวงตาสีฟ้าคล้ายคลึงแม้ไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน “แล้วพวกลูกล่ะ…เป็นแบบไหน”

 

วาสโก้เหลือบมองหนุ่มน้อย…แม้ปกติจะช่างเจรจาแค่ไหน แต่พออยู่ต่อหน้าพ่อแล้ว ถึงกับไปไม่เป็น

 

แต่ในที่สุดก็เอ่ยออกมาได้  “พวกเราเพิ่งรู้จักกันไม่นาน…เวลาแค่ครึ่งปี ผมบอกไม่ได้หรอกครับว่าสถานะสุดท้ายจะเรียกว่าอะไร”

 

เหมือนอ่านใจเขาออกมาพูด วาสโก้เห็นด้วยทุกประการ…และชื่นชมความกล้าหาญของอีกฝ่าย…มันสั่นคลอนหัวใจเขาไปด้วย

 

มือใหญ่เลื่อนไปกุมมือเล็กเอาไว้ “…ตามที่เขาบอก ผมสัญญาไม่ได้ว่าจะไม่เผลอทำร้ายจิตใจ ชีวิตคู่ล้วนต้องมีการขัดแย้งกันบ้าง…แต่สิ่งที่ผมพอจะให้สัญญาได้ คือจะไม่มีวันทำร้ายเขาด้วยมือคู่นี้”

 

‘อีกแล้ว’ เนเว่แอบต่ออยู่ในใจ เขายังเคืองเรื่องในอดีตอยู่นิดหน่อย…แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกดีกับคำสัญญาเหลือเกิน…

 

คริสเตียโน่มีสีหน้าฮึดฮัดขัดใจ แต่ไม่ใช่การต่อต้าน เป็นเพียงอารมณ์ของพ่อที่ไม่อยากให้ลูกมีแฟน เพราะในสายตาของเขา เนเว่เป็นเด็กน้อยตลอดกาล อังเดรกลั้นขำเอาไว้แทบไม่อยู่กับปฏิกริยานั้น

 

“เป็นอย่างนี้ก็ดีแล้ว ขอบคุณสำหรับคำสัญญานะวาสโก้” คนงามสูงวัยยิ้มบาง “ฉันคาดหวังว่าเธอจะดูแลเด็กคนนี้ได้ดี”

 

ครั้งแรกที่เข้าห้อง วาสโก้บอกตัวเองว่าหวั่นเกรงคริสเตียโน่…แต่ไม่รู้ทำไมตอนนี้ เขาเย็นวาบไปทั้งสันหลังเพราะอังเดรแทนแล้ว

 

เมื่อเห็นคนตัวใหญ่ไม่ตอบ เนเว่จึงออกรับแทน “ขอบคุณที่ยอมรับพวกเราครับ”

 

หลังจากนั้น บรรยากาศจึงค่อยผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง ต่างถามไถ่อาการของคนบาดเจ็บ…แผลของคริสเตียโน่ไม่ได้อันตรายถึงชีวิตแล้ว เพียงแต่ต้องมาทำศัลยกรรมและกายภาพบำบัดเพิ่มเติมเพื่อให้กล้ามเนื้อขยับได้ไม่ติดขัด อังเดรเอ่ยชวนให้ทั้งคู่อยู่ทานอาหารเย็นด้วยกัน แต่เนเว่ปฏิเสธเพราะเตรียมวัตถุดิบสำหรับมื้อเย็นเอาไว้แล้วที่บ้าน

 

สองพ่อลูกกอดกันเมื่อหมดเวลาให้คนภายนอกเยี่ยม เนเว่หอมแก้มอังเดรแทนคำลา ครอบครัวเล็กๆ แยกจากกัน

 

โดยวาสโก้รู้สึกราวกับตัวเองเป็นต้นเหตุนั้น เป็นคนร้ายพรากผู้เยาว์อย่างไรชอบกล…

 

 

TBC

 

14.

 

 

 

 

รถ 4WD คันโตเข้าเมืองมาตั้งแต่เช้า จุดหมายคือโรงแรมระดับสี่ดาว

 

“หลังๆ เศรษฐกิจไม่ดี นักธุรกิจต่างเมืองมาใช้บริการน้อยลง ที่นี่เลยเปิดให้คนภายนอกเข้าไปซื้อบุฟเฟต์อาหารเช้าได้” วาสโก้บอกขณะถอยรถเข้าช่องจอด ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้วจัดชุดสูทของตัวเองให้เข้าที่

 

“แล้ว…ราคาไม่แพงเหรอครับ” เนเว่ถามอย่างกังวล มองตึกสูงลิ่วจนบดบังดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้นจากขอบฟ้า

 

“ถ้าฉันจ่ายไม่ไหวจะกล้าพานายมาได้ยังไง” มือใหญ่เอื้อมไปจะขยี้ศีรษะเล็กตามความเคยชิน แต่ชะงักทันก่อน “…เกือบไปแล้ว วันนี้อุตส่าห์แต่งผมนี่นา”

 

“ขยี้หัวตอนนี้ โกรธเลยนะครับ” บอกพลางเสยผมตนเอง ปกติเขาไม่ค่อยได้จัดทรงแบบนี้เท่าไหร่ แต่เพราะอีกฝ่ายบอกว่าจะพามาทานอาหารในโรงแรม จึงต้องเสริมหล่อเล็กน้อย

 

มือที่จะแตะผมจึงเบนไปเชยคางเล็กขึ้นแทน “…ดูดีแล้ว”

 

เนเว่ยิ้มบางแล้วชะโงกหน้าไปจูบปลายคางสาก วาสโก้ก้มลงมาชิงจูบริมฝีปากแทน พวกเขาหัวเราะให้กันก่อนจะลงจากรถ

 

…ในทางเดินทอดยาวของโรงแรมนั้น มือเล็กเคลื่อนมาจับชายเสื้อสูทคนเดินนำ วาสโก้ชะลอฝีเท้าให้ช้าลง แล้วดึงมือนั้นมากุมไว้…จูงมือกันในที่ลับตา

 

เขารู้สึกว่า ตั้งแต่ที่ได้บอกความสัมพันธ์กับคนที่เป็นเสมือนครอบครัวไปทั้งสองฝ่าย ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาจึงเป็นดั่งเวลาฮันนีมูน…ถึงแม้ว่าเขาจะมีเวลาอยู่ด้วยน้อยลงเพราะต้องเข้าไปยังตระกูลวอลเธอร์บ่อยขึ้น

 

พวกเขาปล่อยมือจากกันเมื่อถึงหน้าภัตตาคาร บริกรนำทางไปยังโต๊ะริมหน้าต่าง ยื่นเมนูให้ แม้จะเป็นบุฟเฟต์ แต่ผู้ใช้บริการไม่ต้องเหนื่อยเดินไปตัก เพียงแค่สั่งมาและรอรับประทานได้อย่างไม่อั้นที่โต๊ะ วาสโก้เลือกชุดอาหารเช้าพร้อมกาแฟดำ ในขณะที่เนเว่เลือกชุดที่มีซีเรียลและผลไม้เป็นหลัก

 

สองคนนั่งคุยกันเรื่อยเปื่อยอยู่ครู่หนึ่ง เสียงทักทายก็ดังขึ้นหน้าโต๊ะอาหาร

 

“ไง…” ผู้มาใหม่นั้นเป็นชายร่างสูง ใบหน้าค่อนข้างยาว สวมสูทหรูสีเขียวจัดจ้าน ข้างกายเขามีสาวสวยอกใหญ่ที่แต่งชุดเดรสสีเข้ากันควงแขนอยู่  “ไม่ได้เจอกันนานนะลูกพี่”

 

วาสโก้หันไปมอง ทำหน้าประหลาดใจแต่ไม่มีความยินดีเจือปนในสายตา “ไง ไม่ได้เจอกันนานเหมือนกันนะ เดวิด”

 

เดวิดเป็นหนึ่งในคนที่ทำงานให้กับตระกูลวอลเธอร์ หลักๆ คือคอยควบคุม ‘ผู้หญิง’ ในสังกัด ข้างกายเขาจึงมีสาวงามไม่ขาด และเจ้าตัวภูมิใจในฐานะที่ได้ ‘ทดลอง’ ใช้ก่อนใครอื่น…

 

“เมื่อคืนผมพักที่นี่ เช้าเลยแวะลงมากินบุฟเฟต์เสียหน่อย พอกินเสร็จกำลังจะออกไปถึงได้เห็นลูกพี่นั่งอยู่กับ…”  ดวงตาที่มองไปยังอีกคนนั้น แฝงแววดูถูก “ใครเหรอ…”

 

เนเว่จะอ้าปากตอบตามมารยาท แต่วาสโก้ยกมือห้ามไว้เสียก่อน

 

“นายไม่จำเป็นต้องรู้…” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงต่ำ เป็นเชิงบอกว่า ‘อย่ายุ่งเรื่องของชาวบ้าน’

 

นั่นทำให้เดวิดหัวเราะลั่น “ฮ่ะ ๆ ๆ ไม่นึกว่าลูกเขยแห่งตระกูลวอลเธอร์จะมีรสนิยมแบบนี้”

 

ความชาแล่นขึ้นไปตามผิวหน้า…

 

“นี่เรียกว่าอาการติดต่อกันรึเปล่าครับ เพราะภรรยาคุณชอบผู้หญิง คุณเลยหันไปชอบผู้ชายบ้าง”

 

คำพูดของเดวิดจบลง เมื่อวาสโก้ลุกขึ้นเผชิญหน้า…ดวงตาสีดำเขม่นมอง ประกอบกับร่างสูงใหญ่นั้น สร้างแรงกดกันมหาศาล เดวิดกลืนน้ำลาย…จากเดิมที่ตั้งใจจะทับถมให้อีกฝ่ายเสียหน้า กลายเป็นตัวเองต้องหน้าเสียแทน

 

“แหม…ผมแค่หยอกเล่นน่ะลูกพี่” บอกพลางรวมปกเสื้อสูทสีเขียว กลัวว่าจะถูกกระชากขึ้นไปต่อย “ฝากทักทายนายใหญ่ด้วยครับ ผมขอตัวก่อนล่ะ”

 

วาสโก้ไม่ตอบรับหรือบอกลา เพียงแค่มองอีกฝ่ายลากผู้หญิงที่ควงมาจนขาเป๋ รีบเดินออกจากภัตตาคารไป

 

เขานั่งลงอีกครั้ง…ความหงุดหงิดก่อตัวดั่งเมฆดำ

 

เนเว่ยิ้มให้…แต่เป็นยิ้มที่หมองเศร้า…ยิ้มที่เอาไว้ใช้กับเรื่องแย่ๆ

 

“ผมขอโทษนะครับ” นัยน์ตาสีฟ้าหม่นแสง “ทำให้คุณถูกมองอย่างดูแคลน”

 

“หมอนั่นมันดูถูกทุกคนนั่นแหล่ะ” เขาปลอบไปแบบส่งๆ

 

“ผมรู้ดี ว่าที่คนรอบตัวเราเข้าใจ ก็เพราะว่าเขารักและพร้อมจะยอมรับทุกอย่าง ส่วนคนรอบข้าง…คงแก้ไขอะไรไม่ได้” มือเล็กจะยื่นมาสัมผัสมือใหญ่ แต่ชะงักไป “เอาเป็นว่า…ผมจะระวังตัว ไม่ให้คนนอกรู้ความสัมพันธ์ของพวกเรานะครับ”

 

วาสโก้บอกไม่ถูก…ว่าความรู้สึกในอกตอนนี้คือโล่งใจ หรือ ใจหาย

 

แต่เขาเลือกที่จะคิดว่าเส้นทางหลบเลี่ยงนี้ ปลอดภัยมากกว่าเผชิญกับสายตาของสังคมภายนอก

 

“กินกันต่อเถอะ” ชายหนุ่มยิ้ม ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ “วันนี้ฉันต้องติดตามท่านเฮนเรียตต้าไปดูโรงงาน อาจจะจอดรถทิ้งไว้ที่นี่ คงเลิกช่วงเย็น”

 

ในมุมที่มองไม่เห็นนั้น เนเว่ตาวาว…  “ผมจะไปเยี่ยมพ่อ แล้วทำธุระเรื่องเรียนต่อสักหน่อย คงเสร็จช่วงเย็นเหมือนกันครับ…ผมรอกลับบ้านพร้อมกับคุณได้ไหม จะไปรอตรงเนินหน้าเรเวนมาร์ทก่อนออกถนนระหว่างเมือง เวลาคุณขับรถมาจะได้เห็นผม”

 

“ตกลง” วาสโก้พยักหน้ารับ…แต่ในใจนั้นเลื่อนลอยไปไกล เพราะเมื่อนึกถึงนายหญิงแล้ว เขากังวลขึ้นมา…

 

เธอจะทำยังไง ถ้ารู้ว่าเขาซุกซ่อนเด็กคนนี้อยู่

 

เมฆดำครึ้มลึกอยู่ในใจ ไม่ต่างอะไรกับฝนปลายฤดูร้อนที่พร้อมจะโปรยปรายลงมาตลอดเวลา

 

———

 

 

แม้ ชาร์ลส์ วอลเธอร์ จะได้ชื่อว่าเป็นเจ้าพ่อแถวหน้าของเรเวน แต่แท้จริงแล้วสิ่งที่เขาถนัดที่สุดคือการทำธุรกิจ อาจจะกล่าวได้ว่าแม้ไม่มีอิทธิพลที่สืบต่อกันมาตามสายเลือด ชายคนนี้ก็สามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยกำลังสมอง เขาบุกเบิกธุรกิจมากมายในภูมิภาคนี้ ตั้งโรงงานขนาดใหญ่ พัฒนาที่ดินและกิจการแทบทุกแขนง เพียงแค่ในยุคที่ชาร์ลส์เป็นผู้นำ ตระกูลวอลเธอร์ก็ร่ำรวยขึ้นกว่าเดิมหลายสิบเท่า

 

ส่วนสิ่งที่เขาไม่ถนัดนั้น คือความเป็นเจ้าพ่อ…อันเป็นคำนำหน้าเรียกขานตัวเขานั่นแหล่ะ ตั้งแต่ยังหนุ่ม ชาร์ลส์ใช้อิทธิพลมืดเพื่อแค่เป็นหลักประกันความปลอดภัยให้กับธุรกิจ นอกนั้นเขาแทบไม่แตะต้อง…กิจการใต้ดินของตระกูลไม่เร้าใจเขาได้เท่ากับเกมการเมืองในที่สว่าง เขาจึงละเลย มองผ่าน ทั้งการค้าฝิ่น ค้ามนุษย์ หรือค้าความตาย

 

แล้วทำไมกิจการบาปเหล่านั้นยังคงอยู่ในสายพานของตระกูลวอลเธอร์

 

คำตอบคือ มันถูกชักใยอยู่ในมือของเฮนเรียตต้า…

 

 

……

 

ตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กชาย วาสโก้คอยจ้องมองแผ่นหลังเพรียวบางที่เดินนำหน้าเขาเสมอ ผมบลอนด์ทองดกหนาที่สะบัดพลิ้วตามการเคลื่อนกายนั้น เป็นดั่งมนต์ขลังสะกดให้ผู้ตามทุกคนไม่อาจละสายตา

 

ไม่ว่าหนุ่มหรือแก่ สาวหรือโรยรา ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าข้างถนนหรือเจ้าของธุรกิจใหญ่บนตึกระฟ้า ต่างก้มหัวให้เฮนเรียตต้า…เจ้าแม่ผู้กุมอำนาจมืดตัวจริงของเมืองเรเวน

 

วันนี้วาสโก้ติดตามเธอมายังบริษัทของลูกหนี้แห่งหนึ่ง เนื่องจากเจ้าของไม่สามารถส่งดอกเบี้ยเงินกู้ได้ตามอัตราใหม่…เขาวิงวอนจนแทบก้มลงแทบเท้าเธอ หากคำตอบยังเป็นเช่นเคย…ส่งให้ได้ หรือไม่ก็ขายกิจการให้เธอเสีย

 

 

พวกเขากลับออกมาจากบริษัทนั้น พร้อมโฉนดที่ดินมูลค่ามากกว่าทั้งต้นและดอกเป็นหลักประกัน

 

“คนเราสมัยนี้…ชอบทำอะไรเกินตัวนะ”  ดวงตาสีเทาคู่งามหันกลับมามองผู้ติดตาม “เธอคิดว่าบริษัทนี้จะดำเนินกิจการต่อไปได้นานแค่ไหน”

 

วาสโก้นิ่งไปอึดใจ ก่อนตอบด้วยเสียงสุภาพ “ดูจากหนี้สินคงเหลือแล้ว…ถ้ายังเก็บดอกเบี้ยด้วยอัตราใหม่ต่อไป…คงอยู่ได้ไม่เกินปีหรอกครับ”

 

“แล้วเธอคิดว่ายังไง” เฮนเรียตต้าถามพลางอ่านอะไรบางอย่างในสมาร์ทโฟน สายตาที่เริ่มยาวแล้วทำให้เธอต้องยื่นแขนเพรียวออกห่างจากตัว

 

คนถูกถามคิดในใจ…ถ้าลดดอกเบี้ยให้ บริษัทนี้ย่อมไปต่อไหว…แต่เขาคิดว่า ‘เธอ’ ไม่ได้มีเมตตาขนาดนั้น เพราะสิ่งที่หมายตา เธอได้มันมาแล้วอย่างหนึ่ง…โฉนดที่ดินนั่นคงไม่มีวันได้ไถ่ถอน…และรอแค่เพียงเวลาอีกปีเธอจะได้สิ่งต้องการอย่างที่สอง…ที่ตั้งบริษัทแห่งนี้

 

“เป็นแบบนี้ดีแล้ว…เจ้าของไม่มีกำลังจะจัดการปัญหา เปิดต่อไปก็ไร้ค่า” วาสโก้เอ่ยด้วรอยยิ้มเอาใจ “สู้ให้ทรัพยากรที่เป็นประโยชน์ ส่งต่อไปสู่มือผู้ที่คู่ควรจะดีกว่า”

 

คำตอบนั้น เรียกรอยยิ้มงดงามได้จากหญิงสูงวัย “เธอรู้ใจฉันเสมอ…”

 

อดีตลูกเขยหลับตาลงเมื่อข้างแก้มถูกมือเรียวสัมผัส กลิ่นอ่อนๆ ของน้ำหอมหรูหรากล่อมให้เขารู้สึกราวกับได้รับความโปรดปรานจากเทพี

 

“จะว่าไป” เฮนเรียตต้าลดมือลง เดินนำต่อไปยังรถยนต์ที่คนขับเปิดประตูรอ “เดวิดเจอเธอเมื่อเช้า…เขาส่งข่าวแปลกๆ มาบอกฉันว่าเธอ…สนใจผู้ชาย”

 

อาการหน้าชากลับมาอีกครั้ง วาสโก้สูดลมหายใจก่อนตอบ “เขาเข้าใจผิดครับ คนที่เห็นนั่นผมแค่ทำการค้าด้วย”

 

“การค้าอะไร” ใบหน้างามแสดงความประหลาดใจ “…ฉันให้เงินเดือนเธอไม่พอเหรอ มีอะไรทำไมไม่บอกกัน”

 

“แค่ค้าขายซากกวางเป็นงานอดิเรกครับ…ผมไม่ได้ขัดสนอะไร” เมื่อผูกเรื่องเนเว่ผสมเข้าไป จึงโกหกได้คล่องปาก

 

“อย่างนี้นี่เอง” เฮนเรียตต้าแสร้งถอนใจ รอยยิ้มกลับมาอีกครั้ง “ดีแล้ว…ฉันน่ะ รับไม่ค่อยได้เลยกับ…พวกรักเพศเดียวกัน”

 

วาสโก้พอจะรู้สาเหตุ…คงหนีไม่พ้นความผิดหวังในตัวโรซาเลีย

 

“ดีแล้วที่เธอยังเป็นชายแท้” เทพีสูงวัยหัวเราะอย่างมีจริต ก่อนจะผายมือไปยังรถยนต์อีกคันที่แล่นมาจอดต่อท้าย “ไม่งั้นฉันไม่รู้จะทำยังไงกับรางวัลที่เตรียมมา”

 

ผู้ได้รับรางวัลมองตามมือ…หญิงสาวหุ่นบาดใจสองนางย่างเยื้องลงมาจากรถ การแต่งตัวนั้นหวือหวา อวดสินค้าอย่างภาคภูมิใจ เธอทั้งคู่เดินเข้ามาขนาบข้างวาสโก้ ลูบไล้ท่อนแขนกำยำอย่างยั่วยวนทั้งที่เพิ่งเคยพบหน้า

 

“ช่วยงานฉัน เธอคงไม่ค่อยมีเวลาได้ผ่อนคลาย” เฮนเรียตต้ายิ้มพราว และกำชับกับคนในสังกัด “ดูแลเขาให้ดี”

 

หญิงบริการสองคนค้อมศีรษะให้อย่างนอบน้อม จนเจ้าแม่ก้าวขึ้นรถและประตูปิดลง จึงหันมาออดอ้อนชายหนุ่มต่อ

 

วาสโก้รู้สึกราวกับได้ดอกไม้เต็มสองแขน…คงเพราะห่างร้างจากทรวดทรวงโค้งเว้าไปนาน จึงรู้สึกคอแห้งอยากชิมน้ำหวานจากเกสร

 

ขาแกร่งก้าวตามนวลนางที่เชิญชวน ขึ้นไปบนรถที่จอดรอ…และเริ่มคลอเคลียกันตั้งแต่ล้อรถยังไม่ทันหมุน

 

———

 

 

บนยอดตึกสูงตรงข้ามบริษัทที่เพิ่งสูญเสียโฉนดที่ดินไปนั้น เนเว่ซุ่มมองอยู่…

 

เขาแอบตามวาสโก้มาตั้งแต่แรกเมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายต้องมาทำงานกับเฮนเรียตต้า…ศึกษาพฤติกรรมและการเดินทางของเธอเผื่อใช้ในอนาคต

 

ดังนั้น…จึงเห็นตั้งแต่เริ่มจนจบงาน…รวมทั้งตอนที่เธอมอบรางวัลให้…

 

ตลอดหลายเดือนที่ใช้ชีวิตร่วมกันมา ทำให้เนเว่เชื่อใจ…

 

เขาลงจากตึกที่ซุ่มอยู่ มองเวลาจากสมาร์ทโฟน…ใกล้เวลาเย็นแล้ว

 

เขาเดินอ้อยอิ่งมาถึงหน้าเรเวนมาร์ท…จุดที่สัญญาว่าจะนั่งคอยให้อีกฝ่ายมารับ แล้วกลับบ้านพร้อมกัน…หันหน้าเข้าไปทางเมือง เพื่อจะได้เห็นชัดหากรถคันโตผ่านมา

 

…ตะวันตกดินแล้ว…

 

…แสงจันทร์เริ่มปรากฎที่ขอบฟ้า…

 

…ดาวเริ่มพราวพร่าง เหมือนนางฟ้ากำลังโปรยน้ำตา…

 

เนเว่นั่งรอสัญญา…ที่พังทลายไปตามกาลเวลาหมุนผ่าน…

 

TBC

  • อังเดรรรรร อังเดรรรรของเก๊าาาาาา /ความลำเอียงนี้…
  • ลับมีดยื่นให้ท่านผู้อ่านไปแทงวาสโก้คนละฉึก….