[FFXV] Duties. #Glanis – 5
[FFXV] Duties. #Glanis – 5
Macholu
อ้างอิงเหตุการณ์และ TL ในช่วงอนิเมะ Brotherhood นะคะ ,,- -,,
———
“ถ้าเราเป็นสามัญชน คงถูกส่งเข้าเรือนจำไปแล้ว”
องค์ราชาเอ่ยขณะลากฝ่ามือไปตามผิวนวล
“ไม่บ่อยนักหรอก ที่รู้สึกดีในอภิสิทธิ์ของราชวงศ์”
———
“…เด็กวัยรุ่นเขานิยมไปเที่ยวที่ไหนกัน”
คำถามปุบปับนั้น ทำให้กลาดิโอ้ตาโต เผลอเปิดช่องให้หอกไม้แทงทะลุการ์ดที่ตั้งไว้ จิ้มถูกเกราะบริเวณท้อง
“อ๊ะ สำเร็จ” อิกนิสยิ้มให้กับผลงานตัวเอง “การถามระหว่างต่อสู้ทำให้โจมตีได้ผลเหมือนกันแฮะ”
“นายนี่…ใช้หัวสู้มากกว่าร่างกายอีกแล้ว ฉันบอกให้ฝึกจนโต้ตอบได้ตามธรรมชาติต่างหาก” ครูฝึกแยกเขี้ยว ลดดาบไม้ลงเป็นสัญญาณว่าให้พัก “ว่าแต่ ถามเพื่อเบนความสนใจหรือถามเอาคำตอบจรืง”
“ทั้งสองอย่าง” อิกนิสเดินไปยังผนัง หยิบขวดน้ำขึ้นมาดื่มแก้กระหาย “ฉันไม่รู้จริงๆ…”
“เฮ้ เป็นไปไม่ได้ อย่างนาย—-” กำลังจะบอกว่าอย่างนายเหรอไม่เคยเที่ยว แต่เมื่อเห็นใบหน้าหงอยๆ ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้พูดเล่น
ในฐานะราชเลขา ย่อมมีภาระมากมายชนิดที่เวลาในหนึ่งวันไม่พอใช้ แล้วจะไปมีเวลาเที่ยวเตร่ยังไงอีก
“ไม่รู้ก็ไม่เห็นเป็นไร” กลาดิโอ้รีบหาคำที่คิดว่าปลอบใจได้ ก่อนจะถามต่อ “ว่าแต่ อยากเที่ยวเหรอ”
“เปล่า” อิกนิสส่ายหน้า “แค่กังวลน่ะ ช่วงนี้น็อคกลับบ้านช้า พอถามก็บอกว่าไปเที่ยวกับเพื่อนหลังเลิกเรียน…ฉันกังวลว่าสถานที่ที่เขาไปจะไม่ดี”
ที่แท้นายห่วงเจ้าน็อค เป็นแม่มันเหรอไง อยากจะล้อออกไป แต่คำว่าแม่นั่นกลับยอกใจตัวเอง กลาดิโอ้เกาหัวแกรก
“เพื่อนเหรอ ตอนมาซ้อมเจ้านั่นก็พูดถึงเพื่อนคนหนึ่งบ่อยมาก พรอมโต้อย่างนั้น พรอมโต้อย่างนี้ จนฉันหูแทบแฉะ” ครูฝึกนึกย้อน ก่อนจะมองนาฬิกา…ได้เวลาเลิกพอดี
เวลาซ้อมให้เจ้าชายคืออยากให้หมดชั่วโมงไวๆ แต่กับอิกกี้ เขาอยากให้เวลายืดออกไปเยอะเท่าที่จะเยอะได้
และวันนี้ โอกาสก็มาถึง
“เลิกซ้อมได้” กลาดิโอ้บอกด้วยน้ำเสียงปกติ พยายามสะกดความประหม่าไว้ “แล้ว…ลองไปสำรวจที่เที่ยวของวัยรุ่นกันไหมล่ะ ฉันพาไปเอง”
“เอ๊ะ” อิกนิสเผยอปากเล็กน้อย
“ไปหรือไม่ไป” เข้มเข้าไว้ บอกกับตัวเอง
คนถูกถามกะพริบตา ก่อนจะหยิบสมาร์ทโฟนที่วางอยู่ใกล้ ๆ ขึ้นมาเปิดดูเงียบ ๆ …ไม่ได้รู้เลยว่าคนรอคำตอบลุ้นแค่ไหน
“หลังจากนี้ฉันไม่มีธุระอะไรแล้ว” อิกนิสกดปิดหน้าจอ หันมายิ้มบาง ๆ “รบกวนด้วยนะ”
“ไม่ได้รบกวนอะไรเลย” กลาดิโอ้พยักหน้า
แล้วแอบกำหมัดอย่างดีใจ
———
แม้อามิซิเทียจะถือเป็นตระกูลสูงศักดิ์แห่งลูซิส แต่กลาดิโอ้กลับถูกเลี้ยงมาอย่างเรียบง่ายและติดดิน ช่วงอยู่ในวิทยาลัยทหาร นอกเวลาเรียนเขาจึงได้ใช้ชีวิตเหมือนวัยรุ่นธรรมดาทั่วไป
ต่างกับอิกนิส ไม่ว่าจะเพราะเป็นตระกูลซีเอนเทียหรือเพราะหน้าที่การงานในวัง เจ้าตัวจึงไม่ประสีประสากับการเที่ยวเล่นนัก และคงยิ่งลำบากใจเมื่อเจ้าชายในความดูแลดันเกเร ชอบไปยังสถานที่และสังคมที่ไม่รู้จัก…การที่กลาดิโอ้อาสาพามาเปิดหูเปิดตา จึงเป็นเรื่องน่าขอบคุณไม่น้อย และกลาดิโอ้เองก็หวังจะให้ผู้ดูแลเจ้าชายวางใจ ว่าการเที่ยวเล่นของวัยรุ่นมันไม่ได้น่าเป็นห่วงสักนิด
…หวังว่าอย่างนั้น…แต่แค่เรื่องแรกที่พามาสัมผัส อิกนิสก็ขมวดคิ้วแน่นแล้ว
“คุณค่าทางอาหารน้อยเหลือเกิน…” นิ้วเรียวจับแฮมเบอเกอร์ เปิดส่วนขนมปังออก “…ผักแค่นี้…น็อคคงจะหยิบทิ้งได้ง่าย ๆ สินะ…”
“ฉ…ฉันแค่ลองพามาร้านที่วัยรุ่นนิยมแวะกันหลังเลิกเรียน เจ้าน็อคมันคงไม่ได้กินแบบนี้หรอกมั้ง” กลาดิโอ้รู้สึกเหมือนจะเหงื่อแตกในห้องแอร์
“หมอนั่นเคยกินแน่นอน ฉันเคยเห็นกระดาษห่อทิ้งไว้ในห้อง” ตอบพลางถอนหายใจ
“แต่คงไม่ได้กินบ่อยหรอกน่า…เจ้าน็อคอาจจะชอบกิน แต่รู้สึกเด็กที่ชื่อพรอมโต้จะไม่ค่อยชอบ บอกว่ากลัวอ้วน…” คนพามาพยายามแก้ตัวให้เจ้าชายผู้ต่อไปอาจจะชะตาขาดเพราะกินจังค์ฟู้ด
“หวังว่าแบบนั้น” อิกนิสคลายคิ้วที่ขมวดอยู่ คล้าย ๆ จะปลง “…แต่มิลค์เชคของที่นี่อร่อยดี ไม่หวานมากด้วย”
กลาดิโอ้ยิ้มออก ยิ่งเห็นความถูกใจในแววตาของอิกนิส เขายิ่งอุ่นในหัวใจ แต่จะปล่อยให้บทสนทนาขาดช่วงคงไม่ดีเลยชวนคุย “ปกติเวลาไปเที่ยวกับเพื่อน นายไปที่ไหนเหรอ”
“ก็…ภัตตาคาร ไม่ก็สวนอาหาร” ตอบพร้อมรอยยิ้มบาง “เป็นการฝึกมารยาทบนโต๊ะอาหารไปด้วยน่ะ”
เป็นการเที่ยวกับเพื่อนที่เครียดน่าดู…หรือเปล่า กลาดิโอ้เข้าไม่ถึงนัก “เอ่อ…ฟังดูไม่เหมือนการเที่ยวซักเท่าไหร่”
“ฉันก็รู้ตัว ว่าไม่ได้ใช้ชีวิตเหมือนวัยรุ่นทั่วไป แต่…ช่วยไม่ได้นะ เป็นหน้าที่นี่นา” อิกนิสรวบกระดาษห่อแฮมเบอเกอร์ เขากินไปได้แค่ครึ่งเดียวก็เลี่ยนกับเนื้อชุ่มน้ำมันจนกินต่อไม่ไหว “แถมอาหารของวัยรุ่น ก็ไม่ถูกปากฉันซะเลย แต่ถ้าน็อคชอบกิน จะลองปรับปรุงสูตรให้น้ำมันน้อยลง ส่วนเครื่องปรุงก็….อ๊ะ ขอโทษที”
กลาดิโอ้ที่กำลังเคลิ้มกับการฟังเสียงนุ่มๆ เบ้หน้าอย่างเสียดาย “ขอโทษอะไรอีก”
“มาบ่นให้นายฟังซะได้” นิ้วขาวดันแว่นขึ้น แล้วกัดริมฝีปากเมื่อเพิ่งรู้สึกตัวว่ามือยังไม่ได้ล้าง “ขอบคุณที่พามาทานมื้อเย็น”
“นายคิดเหรอว่าการเที่ยวหลังเลิกเรียนของวัยรุ่นจะจบแค่นี้” คนนำทางลุกพรวด กวาดของเหลือใส่ถาดแล้วนำไปวางตรงจุดทิ้ง ก่อนจะเดินกลับมาดึงต้นแขนเพรียวให้ลุกตาม “นี่มันเพิ่งเริ่มต่างหาก”
อิกนิสเบิกตากว้าง ตัวเซไปตามแรงดึงนั้นอย่างงง ๆ “เดี๋ยวสิ ยังไม่ได้ล้างมือเลย!”
———
‘ที่เที่ยวของวัยรุ่น’ แหล่งที่สอง ยังคงทำให้ผู้ดูแลองค์ชายขมวดคิ้วมุ่น เพราะเครื่องเกมขนาดใหญ่ทั้งหลายแข่งกันส่งเสียงเรียกลูกค้าให้เข้าไปทดลองเล่น
“เกมเซ็นเตอร์สินะ ไม่นึกว่าที่จริงจะเสียงดังขนาดนี้” อิกนิสมองรอบ ๆ เห็นนักเรียนในชุดเครื่องแบบหลากวัย แต่ที่น่าแปลกใจสุดคือมีคนทั่วไปรวมอยู่ บ้างก็ใส่ชุดสูทสำหรับทำงาน “แต่ทุกคนก็ดูสนุกดี…”
“อิกกี้! เล่นไอ้นี่กัน” กลาดิโอ้ดึงต้นแขนคนข้าง ๆ ลากไปยังเครื่องเกมที่อยู่ใกล้ ๆ
“…ยิงซอมบี้” คนถูกชวนหน้าตึง “ฉันเล่นไม่เป็น”
“เกมนี่ดังมากเลยนะ ง่าย ๆ เอง นายยิงปืนได้ไหมล่ะ” คนตัวใหญ่ค้นการ์ดเงินสดในตัวออกมาทาบบนเครื่อง เตรียมเริ่มเกมแบบสองคนโดยไม่ถามแม้แต่น้อย
“ก็เคยฝึกยิงมาบ้าง” แม้ว่าข้าราชการแห่งลูซิสจะไม่นิยมใช้ปืนกันก็เถอะ อิกนิสมองปืนเลเซอร์กระบอกใหญ่ที่อีกฝ่ายส่งให้
เกมเริ่มแล้ว กติกาง่าย ๆ คือยิงผีดิบที่เดินเข้าหาหน้าจอให้ตายก่อนที่จะมาถึงตัว กลาดิโอ้คงจะเคยเล่นมาแล้วจึงสอยซอมบี้ในจอได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่มือใหม่ยังจับจังหวะไม่ได้จนถูกซอมบี้ตบเสียแถบ HP เกือบหมด
กลาดิโอ้เห็นหน้ายุ่ง ๆ ของคนที่ยืนอยู่ขวามือแล้วหัวเราะ เขาเปลี่ยนปืนไปถือมือซ้าย ก่อนจะโอบแขนขวาผ่านหลังอิกนิส เอื้อมมือไปช่วยประคองปืน “มันต่างกับปืนปกตินิดหน่อยเพราะไม่มีศูนย์เล็ง นายต้องกะระยะโดยดูจากลำแสงเลเซอร์ แบบนี้”
อิกนิสประหม่า…แผ่นหลังอุ่น แต่ที่ร้อนวาบคือบริเวณใบหน้า เพราะท่าทางตอนนี้เหมือนเขาถูกกอด มือขวาก็ถูกอีกฝ่ายกุมเอาไว้แน่น “กลาดิโอ้…ฉันยิงเป็นแล้ว”
คนฉวยโอกาสเดาะลิ้นเพราะคนโดนลวนลามรู้ตัวไว แต่ยังเฉไฉสอนต่อ “นายยังพลาดอยู่เลย นี่ ๆ ฉันจะทำให้เป็นตัวอย่างอีกแป๊บ”
“กลาดิโอ้…มันหนักนะ” ตอบพลางขยับตัว คนข้างหลังเล่นก้มลงมา กดเขาไว้จนแทบไหล่ทรุด
“เดี๋ยวก็จบเกมแล้วน่า…” ยิ้มร้ายกาจใส่คนข้างหน้า แกล้งถ่วงเวลาด้วยการยิงพลาด
“กลาดิโอ้” อิกนิสกระแอม “…หน้าจอฝั่งนาย…ตายแล้ว”
กลาดิโอ้หันควับ แล้วร้องจ๊าก เพราะเขามัวแต่มาช่วยฝั่งอิกนิส ตัวละครอีกฝั่งจึงโดนรุมจกไส้ตายอนาถ เล่นต่อไม่ได้
อิกนิสหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสีหน้าบูดเบี้ยวนั้น เขาดันมือใหญ่ออก แล้วตั้งใจเล่นต่อ “ไม่ต้องห่วง จะแก้แค้นให้เอง”
แม้จะเสียฟอร์มอย่างรุนแรง แต่ขอแค่อีกฝ่ายสนุกเขาก็พอใจแล้ว กลาดิโอ้มองนิ้วเรียวดันแว่นขึ้นให้เข้าที่ แล้วเหนี่ยวไกรัว…อิกนิสหัวไวอยู่แล้ว เกมที่ทำท่าจะจบไปเพราะเหลือผู้เล่นคนเดียวจึงยืดยาวออกไปจนเกินคุ้มเงิน ส่วนกลาดิโอ้ผันตัวจากผู้เล่นกลายเป็นกองเชียร์อย่างตั้งอกตั้งใจ
สุดท้าย เกมก็มาถึงด่านที่ต้องเสียเงินเพื่อจะเล่นต่อ กลาดิโอ้หยิบการ์ดออกมา เลิกคิ้วถาม “ต่อมั้ย”
“ไม่ล่ะ เมื่อยนิ้ว” อิกนิสส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มละมุน เขาเก็บปืนคืนที่ก่อนจะพูดต่อ “แล้วนายก็เลิกกอดเอวฉันเสียที….”
กลาดิโอ้เบ้หน้าเมื่อถูกจิกเล็บลงบนเนื้อ ต้องยอมปล่อยมืออย่างแสนเสียดาย…
———
เพราะใช้เวลาอยู่ในเกมเซ็นเตอร์นาน พอออกมาด้านนอกท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว…
“ไม่รู้ตัวเลยว่าเวลาผ่านไปขนาดนี้ เกมเซ็นเตอร์นี่น่ากลัวจริงๆ” อิกนิสพึมพำขณะมองนาฬิกา “กลับกันได้หรือยัง”
กลาดิโอ้ยิ้มหงอย ๆ …เขาอุตส่าห์ไม่ทักเรื่องเวลาหรือชวนกลับบ้าน แต่อีกฝ่ายไม่ลังเลเลยที่จะบอกออกมา…เมื่อนึกถึงความจริง…อีกฝ่ายคงยังมีงานค้างคา แม้เขาจะอยากดึงให้อยู่ด้วยนานแค่ไหน แต่ก็ไม่ควรเห็นแก่ตัวแบบนั้น
“อืม…” ตอบด้วยเสียงเหงา ๆ ช่วงสุดท้ายในวันนี้คือการเดินไปส่งอีกฝ่ายขึ้นแท็กซี่…นี่เขาจงใจไม่เอารถมาเพื่อจะถ่วงเวลาการเดินทางให้นานเกินควรเลยนะ
อิกนิสออกเดินนำออกจากย่านบันเทิงของวัยรุ่นที่เพิ่งได้มาสัมผัส นึกขอบคุณคนพามาที่ทำให้เขาเบาใจว่าแม้จะดูเหลวไหล แต่ก็ไม่อันตรายอะไรอย่างที่คิด “นอกจากร้านฟาสฟู้ดส์กับเกมเซ็นเตอร์แล้ว ยังมีที่ไหนแนะนำอีกมั้ย”
“อืม…คาเฟ่ คาราโอเกะ สนามกีฬา ห้องซ้อมดนตรี โรงหนัง ห้างสรรพสินค้า…ที่ไหนใช้เวลาได้เพลิน ๆ ก็โอเคหมด” ตอบพลางดึงแขนอีกคนให้มาเดินด้านใน ตนเองออกไปเดินกันคนที่สวนมาแทน “ถามแบบนี้…อยากมากับฉันอีกเหรอ”
ขำกับความใส่ใจทั้งที่เขาไม่ใช่สาว ๆ ปนหมั่นไส้ความมั่นใจนั้น…แต่ก็ไม่อยากปฏิเสธว่าการเที่ยวเล่นกับอีกฝ่ายนั้นสนุก… “…ถ้าว่างน่ะนะ”
กลาดิโอ้แกล้งหันหน้ามองอีกฟากถนน แอบร้องเยส…
“อ๊ะ” อิกนิสอุทาน เมื่อสามแยกข้างหน้านั้น ถนนเส้นหนึ่งถูกกั้นด้วยเวทีขนาดใหญ่ เปิดเพลงเสียงดัง มีฝูงชนแน่นขนัด “พวกเราต้องผ่านทางนั้นด้วยสิ…งานอะไรกันนะ”
อาจจะเพราะอิกนิสไม่ค่อยเจออะไรแบบนี้จึงไม่ทันสังเกต แต่กลาดิโอ้นั้นมองปราดเดียวก็รู้แล้ว…เขาลอบยิ้มซุกซน ก่อนจะแตะต้นแขนคนข้าง ๆ “ลองเข้าไปดูกันไหม ยังไงก็ต้องเดินผ่าน อ้อมก็เสียเวลา”
“แต่ต้องเดินเบียดคนนะ เสียเวลาพอกันหรือเปล่า” คนถูกถามแย้ง
“มีโอกาสแล้วไม่เข้าไปสิน่าเสียดาย” กลาดิโอ้ขยิบตา “นี่ก็เป็นสถานที่ที่วัยรุ่นนิยมนะ เจ้าน็อคอาจจะอยู่ในนั้นก็ได้”
“….” โดนล่อลวงด้วยเจ้าชายเสียแล้ว อิกนิสจึงพยักหน้า “ลองดู”
ถนนทั้งเส้นกลายเป็นสถานที่จัดงานเทศกาลชั่วคราว มีทั้งอาหารแผงลอยและของจุกจิกขาย ยิ่งเข้าใกล้เวทีเท่าไหร่คนยิ่งหนาแน่น ต้องเดินเบียดกันไป
อิกนิสกระแอมเตือนแล้วกระซิบเสียงดุเมื่อถูกรวบมือไปจูง… “เดี๋ยวคนอื่นเห็น!”
“ฮ่าๆๆๆ นี่นายยังไม่รู้ตัวเหรอ” กลาดิโอ้ขำตัวสั่น แล้วก้มลงมากระซิบข้างหู “…ไม่มีใครว่าพวกเราหรอก…นี่มันชุมนุมดนตรีของคนรักเพศเดียวกัน”
คนฟังหน้าร้อนวาบ…นัยน์ตาใต้แว่นเบนไปซ้ายและขวาช้าๆ…มีทั้งคู่รักชายเดินกอดคอ และคู่รักหญิงโอบเอวพลางจูบกันและกัน…เต็มไปหมด
“นายหลอกฉันมา…” ต่อว่าพลางยกนิ้วขึ้นดันแว่นอย่างเก้อเขิน
“ไม่ได้หลอกเสียหน่อย ในนี้ก็มีพวกวัยรุ่นเยอะแยะ” กลาดิโอ้ยิ้ม กระชับมือเล็กกว่าเอาไว้ “พวกเขาเป็นวัยรุ่น…มารวมตัวกัน ในสถานที่ที่ยอมรับตัวตนของพวกเขายังไงล่ะ”
เพราะเสียงทุ้มนุ่มนั้น เชิญชวนให้เปิดหัวใจมากกว่าใช้ตามอง…
เพลงที่เปิดดังไปทั่วไม่ได้กระแทกกระทั้น แต่เป็นเพลงหวานละมุน…จังหวะชวนให้ตระกองกอดและโยกตัวไปด้วยกันอย่างอ่อนโยน
ไม่ใช่แค่พวกคู่รัก ยังมีพวกที่มากับกลุ่มเพื่อน ต่างจูงมือกันเป็นวงแล้วเต้น…ทุกคนดูมีความสุข…ดูเต็มไปด้วยความเข้าใจ…
สองคนเดินมาถึงช่วงที่คนหนาแน่นที่สุด กลาดิโอ้กระแอมอย่างประหม่า…ปล่อยมือที่จูง…เปลี่ยนมาโอบรอบเอวบางแล้วพาโยกไปตามจังหวะช้า ๆ
“ให้เกียรติเต้นกับผมสักเพลงได้ไหมครับคุณซีเอนเทีย” เสียงนั้นเคร่งขรึมจนดูตลก
อิกนิสหลุดขำพรืดเบา ๆ
“อย่าหัวเราะสิ!” โวยด้วยใบหน้าแดงซ่าน “นายนี่..ฉันอุตส่าห์อยากทำให้โรแมนติก”
“ขอโทษ…ฮ่ะๆๆ” อิกนิสพยายามกลั้นยิ้ม “ฉันขำเพราะนายเต้นไปก่อนขอแล้วต่างหาก”
“เออเนอะ” กลาดิโอ้เพิ่งนึกได้ “งั้นก็ไม่ต้องขอแล้วสินะ”
“จะปฏิเสธนายก็คงไม่ได้แล้วสินะ….” ยิ้มอย่างอ่อนใจ
“งั้น…” คนนำเต้นยิ้มได้ใจ
มือใหญ่กุมมือขาวทั้งสองข้างขึ้นมา จับให้วางบนไหล่ของเขา…แม้ไหล่ของกลาดิโอ้จะสูงไปหน่อย แต่ก็ไม่เกินเอื้อมแขนของอิกนิส เมื่อจัดท่าเรียบร้อย สองมือของกลาดิโอ้ก็เลื่อนลงไปรอบเอวบางอีกครั้ง
จังหวะง่าย ๆ เบา ๆ ทำให้เท้าสองคู่ก้าวตามได้ไม่ยาก…เพราะคนเยอะจึงเบียดเสียดกันไปมา แผ่นหลังถูกชนจนต้องเขยิบเข้าใกล้…ไม่กี่อึดใจใบหน้าของอิกนิสอยู่ใกล้ชิดกับแผ่นอกกว้าง…เขาได้ยินเสียงหัวใจ…หนักแน่นราวกับกลอง
มือใหญ่จากเดิมแค่ประคอง เปลี่ยนเป็นโอบกอดเอาไว้…ตั้งใจว่าจะเต้นพลางพาเดินแทรกผ่านถนนไป กลับกลายเป็นอยากหยุดอยู่ตรงนี้…เต้นวนอยู่ที่นี่ไม่รู้จบ
“…ต่างกับเวลาเต้นในบอลรูมเยอะเลย” อิกนิสหัวเราะ แข้งขาขยับไม่ค่อยได้เพราะฝูงชนรอบตัว ก่อนจะร้องโอ๊ยเมื่อถูกเหยียบเท้า
“อ๊ะ! ไม่ได้ตั้งใจ” กลาดิโอ้หน้าตื่น เท้าเขาใหญ่มโหฬาร ให้มาเต้นในที่แคบก็ได้เรื่องทันที
“นายนี่…ลีลาศไม่เก่งสินะ” คู่เต้นยิ้มมุมปาก รู้สึกพอใจที่ได้รู้ว่าอีกฝ่ายมีจุดอ่อน
“ใครว่า ฉันน่ะได้หมด ทั้งวอลซ์ รุมบ้า หรือแทงโก้ก็ไม่เคยกลัว” โต้กลับอย่างไม่ยอมเสียเชิง “ว่าง ๆ ไปพิสูจน์กันบนฟลอร์ไหมล่ะ”
“เอายังไงดีนะ….” แกล้งทำท่าคิด ก่อนจะอุทานออกมาอีกรอบเมื่อถูกชนหลัง ทั้งร่างโผเข้าไปกอดแนบกับคนตรงหน้า
หัวใจของกลาดิโอ้ยังคงแน่นหนักราวกับกลอง…และมีเสียงซ้อนขึ้นมาอีกหนึ่ง
อิกนิสเพิ่งรู้…ว่าคือเสียงในอกของเขาเอง
แขนกำยำโอบรัดเหนือสะโพก…มือใหญ่ลูบแผ่นหลังเพรียวขึ้นมาจากด้านล่างสู่ลำคอขาว ก่อนจะสอดนิ้วเข้าไปในผม ดึงเบา ๆ ให้เงยหน้า
ริมฝีปากสีเรื่อห่างเพียงแค่ก้มลงไปหา…กลาดิโอ้มองอย่างหลงใหล…และประทับจูบลงไป
…หากถูกกั้นเอาไว้ด้วยฝ่ามือขาว…
นัยน์ตาของอิกนิสที่มองมานั้น กึ่งห้ามปราม กึ่งอ้อนวอนว่า ‘อย่า’…
…ไม่ได้สินะ…
กลาดิโอ้ทอดถอดใจ…หากยังไม่ยอมเลิกรา…เขาก้มหน้าลงซบไหล่อีกฝ่าย กอดเอาไว้แนบแน่น…ขอแค่ได้เคล้าคลอท่ามกลางเพลงหวาน…
ราวกับอ้อนวอนว่าอยู่ข้าง ๆ ฉัน…ได้หรือไม่…
TBC
เพลงฟังประกอบตอนท้าย : Stand By Me (Imagine Dragon Cover)
- กลาดี้…… /ชักสงสารเลยค่ะ
- ก็นะ…อิกกี้ ยังไงก็คงเป็นอิกกี้ค่ะ แม้จะหวั่นไหว แต่ยังไม่อ่อนข้อ
- กลาดี้ต้องทะลวงกำแพงหนัก ๆ กว่านี้นะ!!!
- หายไปนานเพราะทำงานค่ะ แงงงง เริ่มกลับมาต่อแล้วนะะะะ ❤
Recent Comments