macho_luglio 's cargo, Mostly fanfictions.

17-05-18-17-28-59-790_deco

ตอนก่อนๆจ้า

5.

NSFW

 

หลังเหตุการณ์เกือบเอาชีวิตไปทิ้งของเนเว่ หลายวันผันผ่าน สถานการณ์ในบ้านไม้ซุงนั้นสงบเงียบ ผิดกับพายุด้านนอกซึ่งไม่มีทีท่าจะจบสิ้น

“เพราะโลกร้อน ฤดูกาลมันถึงได้วิปริตแบบนี้”

“แม้จะเป็นต้นเหตุจริง แต่มาพูดถึงโลกร้อนในสภาพถูกแช่แข็งแบบนี้มันดูแปลกเนอะครับ”

เนเว่พูดสิ่งที่คิดขณะโกยขี้เถ้าใต้เตาขึ้นมาดับไฟ แก๊ซหุงต้มหมดไปนานแล้ว เขาจึงต้องทำอาหารโดยการใช้ฟืน แรกๆ ก็ตะกุกตะกักเหมือนลูกเสือหัดเข้าค่าย แต่หลายวันผ่านไปจึงเริ่มชำนาญ

ส่วนวาสโก้ ปากบ่นโน่นนี่ แต่สายตากำลังขมักเขม้นอยู่กับเครื่องเกมในมือ…ในชีวิตเขามีไม่กี่อย่างวนเวียน คืออ่านหนังสือ ออกกำลังกาย และเล่นเกมเรียงอิฐรุ่นโบราณไปเรื่อย

หลังล้างจานเสร็จ เนเว่ปิดเครื่องปั๊มน้ำที่ตอนนี้สลับมาใช้น้ำมันแทนไฟฟ้า ก่อนจะเดินกลับมาที่โซฟา พลางฮัมเพลงเดียวกับเกมของวาสโก้ออกมาเบาๆ

วาสโก้เลิกคิ้ว “รู้รึเปล่าว่าเพลงนี้ชื่ออะไร”

“Korobeiniki เดิมทีเป็นเพลงพื้นบ้านของรัสเซียช่วงศตวรรษที่สิบเก้า เล่าเรื่องการต่อรองสินค้ากันของพ่อค้ากับเด็กสาว อุปมาถึงการเกี้ยวพาราสีน่ะครับ” เนเว่ตอบอย่างคล่องปาก “แต่มาดังไปทั่วโลกในช่วงต้นยุคเก้าศูนย์เพราะเป็นเพลงประกอบเกม Tetris”

“ไม่นึกว่านายจะรู้จักเพลงเททริสลึกแบบนี้” หนุ่มรุ่นใหญ่แปลกใจ

รอยยิ้มซื่อๆ ส่งให้แม้อีกฝ่ายไม่มองมา “เกมอมตะนี่ครับ อีกอย่างถึงผมไม่รู้จัก แต่ฟังเสียงคุณเล่นทุกวันแบบนี้ เป็นใครก็ต้องหลอนจนร้องตามบ้างล่ะ”

“หลอนอะไรกัน” คนชอบเล่นหัวเราะหึๆ “เคยเล่นไหม”

“ไม่เคยครับ บ้านผมจน เล่นแต่ตัวต่อเลโก้ที่มีคนบริจาคมา” ตอบติดตลกแต่เป็นความจริง

“ลองเล่นดูไหม” ถามพลางกดยกเลิก ยื่นเครื่องให้

เนเว่ส่ายหน้า “ผมเล่นไม่เป็น”

“ง่ายจะตาย” วาสโก้กวักมือเรียก ตบที่ว่างข้างตัว “มานี่”

คนอาศัยยอมตามใจด้วยการลงนั่งใกล้ๆ เจ้าของบ้านส่งเครื่องเกมให้ถือ ก้มลงมาสอน

“จะมีบล็อกแบบต่างๆ หล่นลงมาจากด้านบน นายต้องขยับไปวางให้เต็มแถว แล้วแถวนั้นจะหายไป ถ้าวางไม่ลงตัวกองบล็อกจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ชนขอบด้านบนเมื่อไหร่ก็เกมโอเวอร์ สี่ปุ่มซ้ายมือเอาไว้บังคับทิศทาง ปุ่มใหญ่ด้านขวาเอาไว้หมุนบล็อกให้เหมาะกับจุดลง”

มันสนุกตรงไหนครับเนี่ย เนเว่อยากจะถามออกไป “เข้าใจแล้วครับ อืม…”

“อ้อ ลืมบอกให้กดปุ่มสตาร์ท” พูดจบก็ช่วยกดเริ่มเกมให้ทันที

แม้จะเป็นเลเวลเริ่มต้น แต่สำหรับคนที่เพิ่งลองเกมนี้เป็นครั้งแรกย่อมจะตะกุกตะกัก “นี่ไว้ตรงนี้ นั่นไว้ตรงนั้น…เอ๋ มีบล็อกแบบนี้ด้วยเหรอ แล้วจะวางราบได้ยังไง เฮ้ย ทำไมกดปุ่มลงแล้วมันตกไว—-จะเต็มแล้ว—เต็มแล้ว…”

“ตายเร็วเป็นสถิติใหม่เลยนะ” วาสโก้กลั้นขำไว้ในใจ “นายมัวแต่มองบล็อกที่หล่นลงมา ไม่ได้ดูด้านข้างที่แสดงบล็อกอันดับถัดไป ซึ่งจะช่วยให้วางแผนล่วงหน้าได้”

“…เมื่อกี้คุณไม่สอนผม” ดวงตาสีฟ้าหรี่ลงแบบเคืองๆ “แล้วกดหยุดชั่วคราวตรงไหนเหรอครับ”

“ไม่มี” เจ้าของเครื่องตอบ “เกมนี้มันเหมือนชีวิตคน เราต้องดิ้นรนไปเรื่อยๆ ไม่มีเวลาให้พัก…จนกว่าจะตาย”

“ทำไมผมรู้สึกว่าเททริสเป็นเกมน่ากลัวขึ้นมาแล้วล่ะ” เนเว่แบะปาก ส่งเครื่องคืน “ผมอยากลองดูคุณเล่นบ้าง”

“ได้สิ” วาสโก้รับเครื่องมาแล้วกดสตาร์ท “หลักการมันไม่ยาก แต่ต้องอาศัยความชำนาญและตัดสินใจไว อย่างบล็อกนี้วางแล้วจะกั้นทางลงของบล็อกอื่น ให้พลิกแล้วหลบ—

สองคนนั่งอยู่ด้วยกันบนโซฟา เวลาไหลเรื่อยไป

เนเว่เริ่มจะเข้าใจในตัวเกมมากขึ้น ในขณะที่วาสโก้ได้แอบมองและทำความเข้าใจคนข้างๆ ดวงตาที่บอกความรู้สึกอย่างซื่อตรง ความเอาใจใส่ที่สม่ำเสมอ แม้ว่าเขาจะเป็นคนช่วยชีวิตและมีบุญคุณต่ออีกฝ่าย แต่การดูแลนั้นมากเกินกว่าที่เขาทำให้ในตอนแรกเสียอีก

เขาปลีกตัวออกมาอยู่คนเดียวหลายปี คิดว่าชินชากับความโดดเดี่ยว…แต่พอมีใครสักคนเข้ามา ถึงได้รู้ว่าที่ผ่านมาตนแค่แกล้งลืมความเหงา

“จะเต็มแล้ว อีกนิดเดียว อีกสามแถวเกมโอเวอร์แน่นอน”

วาสโก้เผลอละสายตาจากเกม รู้สึกตัวอีกทีเพราะเสียงเชียร์หรือแช่งก็ไม่รู้ คนแก่กว่าเดาะลิ้น เขาต้องใช้เวลาแก้เกม จึงกดปุ่มสตาร์ทหนึ่งที หน้าจอเกมนิ่งค้าง

เนเว่ชะงัก ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “หยุดเกมชั่วคราวได้นี่นา…คุณโกหก”

คนถูกว่าแสยะยิ้มร้ายกาจ “ผู้ใหญ่ก็แบบนี้แหล่ะ”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” คนอายุน้อยกว่าหัวเราะประชด เขยิบออกห่าง

“ฉันแค่อยากจะสอนปรัชญาชีวิตให้เด็กเมื่อวานซืน อย่าเคืองน่า” มือใหญ่เอื้อมไปจับหัวอีกฝ่าย “…ผมนายนุ่มกว่าที่คิดนะเนี่ย”

“เหรอครับ” เนเว่หัวคลอนไปมาตามแรงโยก “สมัยก่อนผมเคยแข็งแล้วก็ชี้ฟูเพราะสระด้วยสบู่ พอเปลี่ยนมาใช้แชมพู เลยดีขึ้นมั้งครับ”

“คนบ้าอะไรสระผมด้วยสบู่” วาสโก้เบ้ปาก ยิ่งขยำขยี้เล่น รู้สึกเพลินกับผมเส้นเล็กลื่นมือ

“ตอนนั้นยังเด็ก อาบน้ำนี่ขอแค่สะอาดก็พอครับ” ตอบพลางเบี่ยงหัวหลบแต่ไม่พ้นเท่าไหร่ “พอโตแล้วถึงเริ่มจะดูแลตัวเอง ใครๆ ก็ชอบคนหน้าตาและบุคลิกดีนี่นา”

“จริง…” บอกพลางพยักหน้า เขารู้ซึ้งเรื่องนี้ดีเลยทีเดียว จากประสบการณ์ที่ถูกเข้าหาเพราะหน้าตาเป็นหลัก จะว่าไป… “นายก็ชอบฉันเพราะรูปร่างหน้าตาใช่ไหมล่ะ”

“…สรุปแล้วเหรอครับว่าผมชอบคุณ” เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายอารมณ์ดีจึงกล้าเอ่ยเย้า “รูปร่างน่ะใช่เลยครับ หน้าตาก็ด้วย แต่…อืมมมม ผมชอบคนแก่กว่านี้ อายุห้าสิบขึ้นไป”

อยากจะดุว่าเจ้าเด็กแก่แดด แต่รอยยิ้มบนมุมปากเรื่อสี กลับดึงดูดวาสโก้ให้นิ่งงัน

แม้รูปร่างหน้าตาจะเหมือนเด็กกะโปโล แต่เนเว่ผ่านประสบการณ์มาบ้าง…เขาอ่านสีหน้าออก จับความหวั่นไหวได้ และไม่ลังเลเลยที่จะลองเสี่ยง

มือขาวขยับไปแตะสีข้างร่างใหญ่เบาๆ เพราะรู้ว่านั่นคือจุดที่ไวสัมผัสและไม่ดูโจ่งแจ้งจนเกินไป “แล้วคุณล่ะครับ ชอบสเปคแบบไหน”

เป็นการหยั่งเชิงที่ไม่เลวเลยสำหรับการเล่นกับผู้ใหญ่…วาสโก้ค่อยๆ สอดปลายนิ้วเข้าไปใต้เรือนผมขาวละเอียด หัวเราะในใจเมื่อเห็นเจ้าตัวเล็กหดคอหนี

“ฉันชอบคนอายุมากกว่า ต้องสวย เซ็กซี่ ผิวสีน้ำผึ้ง มีส่วนโค้งส่วนเว้าชัดเจน ขาเรียวยาว”

“อกหักซะแล้ว” หนุ่มน้อยยกมือยอมแพ้

“ยอมแพ้ง่ายจริง” วาสโก้หลุดหัวเราะ “เด็กสมัยนี้ไม่มีความพยายามเอาซะเลย”

ประโยคนั้น เรียกรอยยิ้มยียวนได้จากเนเว่ “ผมเคยบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าชิมฟรี”

“หืม…” คนถูกเสนอหรี่ตามอง “กล้าแบบนี้ แน่ใจแล้วรึเปล่า ฉันไม่ชอบถูกผูกมัดหรือเรียกร้อง ชิมแล้วบ้วนทิ้งก็จะไม่รับผิดชอบ”

“ผมไม่ใช่ผู้ชายที่ต้องการใครมารับผิดชอบหรอกครับ” หรี่ตาตอบกลับคล้ายจะล้อเลียน “่ช่วงนี้พวกเรากำลังว่าง คิดซะว่าเป็นแค่การฆ่าเวลากับอะไรแปลกใหม่ยังได้…”

แม้จะบอกไปอย่างมั่นใจ แต่เมื่อคนตัวใหญ่กว่าขยับเข้าใกล้และโน้มใบหน้ามาหา เนเว่ก็เผลอถอยจนหลังเบียดโซฟา

วาสโก้อ่านไม่ออกว่าเด็กคนนี้ช่ำชองหรือไร้เดียงสา…นั่นทำให้เด็กบ้านี่น่าชิมอย่างที่เจ้าตัวเชิญชวน เขาอยากจะลองว่าตนเองได้แค่ไหนกับเด็กผู้ชาย และจะสอนความใจเย็นแบบผู้ใหญ่ให้ จึงไม่รีบร้อนกัดกิน เพียงค่อยๆ ก้มลงไปหาจนหน้าผากแนบติด..มองลูกแก้วสีฟ้าอ่อนคู่นั้นอย่างชิดใกล้

จมูกได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากผิวเนื้อขาว มันไม่ใช่กลิ่นนมแบบเด็กเล็ก ไม่ใช่กลิ่นหวานจัดแบบหญิงสาว…เป็นกลิ่นที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อนในชีวิต

ลมหายใจของเนเว่หนักขึ้นเล็กน้อย สีแดงเรื่อที่ซ่อนอยู่ใต้ผิวอ่อนชัดเจนขึ้นตามอุณหภูมิร่างกาย

ริมฝีปากสองคน เฉี่ยวชนกันแผ่วจาง…คล้ายหยั่งเชิงก่อนจะเกินเลยไปกว่านั้น

ทว่า โทรศัพท์บ้านแผดเสียงขัดขวางเสียก่อน

ทั้งคู่ผละออกจากกันเหมือนโดนน้ำเย็นสาด เนเว่ผุดลุกขึ้นแล้วเดินหลบออกไปอย่างไว วาสโก้อึ้งเล็กน้อย ก่อนจะได้สติเมื่อโทรศัพท์ดังซ้ำในจังหวะถัดมา เขารีบพุ่งไปยกหูฟัง

ครั้งนี้ไม่พลาดสาย “สวัสดีครับ”

‘พระเจ้า…คุณยังปลอดภัยดี’ เป็นเสียงของหญิงสาว ‘พายุถล่มจนโรงไฟฟ้ากับชุมสายเสีย นานมากกว่าสถานการณ์จะปลอดภัยจนทางการส่งคนไปซ่อมได้ เริ่มจากชุมสายที่แรก ส่วนไฟฟ้าเสียหายเยอะกว่า คงอีกสักพักกว่าจะจ่ายไฟเหมือนเดิม’

“ขอบคุณที่โทรมาหาผมนะ โรซาเลีย” วาสโก้ทอดเสียงนุ่ม รู้สึกตามที่บอก “ไม่ต้องห่วง ต่อให้ไฟดับนานกว่านี้ผมก็อยู่ได้สบาย ด้วยเสบียงที่คุณคอยส่งมาให้”

‘ตอนนี้ซึ้งใจกับความหวังดีของฉันแล้วใช่ไหมล่ะ’ ปลายสายเง้างอน ‘ดังนั้นต่อไปเลิกบ่นเวลารถส่งของไปถึง เสียเวลาแบกเข้าบ้านแต่รอดตายน่ะคุ้มแล้ว’

คนฟังหัวเราะออกมา ปลายสายยังคงชวนคุยต่อไปเรื่อยๆ ชดเชยที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานาน ระหว่างสนทนา เขาเห็นเนเว่สวมชุดกันหนาว เตรียมจะออกไปข้างนอก จึงขยับปากเป็นเชิงเรียก

หนุ่มน้อยขยับริมฝีปากตอบ ‘ออกไปหาฟืนมาเพิ่ม จะรีบกลับมาก่อนเวลาอาหารเย็นครับ’

วาสโก้พยักหน้ารับทราบ ก่อนจะเบนความสนใจมายังคู่สนทนาปลายสายต่อ

———

นาฬิกาบอกว่าเลยเวลาอาหารเย็นไปหลายชั่วโมงแล้ว แต่เนเว่ยังไม่กลับมา

เจ้าของบ้านกังวล ตอนกลางวันแม้ลมแรงแต่เพราะมีแสงสว่างอยู่จึงไม่อันตรายเท่าไหร่ ต่างกับตอนกลางคืน

แถมครั้งนี้เขายังไม่ได้ยินเสียงอีกฝ่ายกลับมาเก็บฟืนเลยสักครั้ง…

เข็มนาฬิกาวนมาครบชั่วโมงอีกรอบ วาสโก้ทนไม่ไหว ผุดลุกขึ้นจะออกไปตามหา

จังหวะเดียวกับที่ได้ยินเสียงประตูเล็กด้านหลังเปิดออก

วาสโก้ไม่ชอบความรู้สึกที่รบกวนจิตใจในตอนนี้ เมื่อความกังวลหายไป ความโมโหจึงเข้ามาแทนที่ เขาย่ำเท้าไปยังห้องเก็บฟืน

เนเว่ซึ่งนั่งอยู่สะดุ้งเฮือก รีบวางของในมือเข้าที่ซ่อน รอดสายตาจากเจ้าของบ้านไปอย่างหวุดหวิด เขาตั้งใจจะลุกขึ้น แต่พบว่าขาเย็นเฉียบจนขยับลำบาก จึงได้แต่ส่งยิ้มโง่ๆ กลบเกลื่อน

“หายหัวไปไหนมา” ร่างที่ยืนคับประตูอยู่ถามเสียงต่ำ

“ผม…เอ่อ…” คนถูกถามเอ่ยตะกุกตะกัก ก้ำกึ่งระหว่างหาข้อแก้ตัวและความหนาว “เห็นคุณกำลังคุยเลยไม่อยากอยู่รบกวน…พายุด้านนอกเบาลงบ้างแล้วก็จริง แต่ไม้ฟืนหายากขึ้น ผม—-

ยังพูดไม่ทันจบ ต้นแขนถูกดึงให้ลุกขึ้น เนเว่ร้องออกมาเบาๆ เพราะข้อพับขาคลายตัวไม่ทัน ปวดแปลบจนยืนแทบไม่อยู่

วาสโก้ชะงักกับเสียงนั้น ความโมโหค่อยเบาลง “…นายคิดว่าฉันจะโทรศัพท์ข้ามวันข้ามคืนหรือไง แล้วฟืนน่ะ…มีเหลือใช้แล้ว”

“ก็…” เนเว่ทำท่าจะค้าน แต่เมื่อจนใจจะหาข้ออ้าง จึงพูดออกมาตรงๆ “…อันที่จริงผมกลัวจะทำอะไรขัดใจคุณอีก เลยคิดว่าหลบออกไปให้พ้นๆ ดีกว่า”

เด็กบ้าเอ้ย…คนฟังคิดในใจ

“จะขัดใจฉันเพราะตัวเย็นเฉียบกลับมาอีกแล้วนี่แหล่ะ” มือใหญ่บีบต้นแขนเล็กแน่นขึ้น “หรือว่า…ออกไปแช่แข็งตัวเอง เพราะอยากให้ฉันกอดแบบคราวก่อน”

นัยน์ตาสีฟ้ากะพริบปริบ ก่อนเสียงหัวเราะเบาๆ จะหลุดออกมาจากลำคอ

“อา…มีข้ออ้างแบบนั้นด้วยสินะ ผมนึกไม่ถึงเลย”

“…ไม่ได้คิดแบบนั้นเหรอ” วาสโก้หน้าชานิดหน่อย เขาเข้าข้างตัวเองเกินไป คิดได้อย่างนั้นจึงคลายมือออก

ทว่า…มือเล็กเย็นเฉียบกลับคว้าเอาไว้ไม่ให้ผละจาก

“ถึงจะไม่ได้คิด…แต่ขอใช้เหตุผลนั้นเลยได้มั้ยครับ”

เพราะเป็นที่ต้องการหรือเปล่า ความรู้สึกดีจึงเต้นเร่าอยู่ในท้อง…วาสโก้กลั้นใจ พยายามสรรหาถ้อยคำ “นายแน่ใจรึเปล่า—-

คราวนี้เนเว่ขัดจังหวะแทน “มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับผมคนเดียวหรอกครับ ขึ้นอยู่กับคุณด้วย…ที่นี่มีแค่เรา ไม่มีคนอื่น ไม่มีพยาน ไม่มีสัญญา…ผมไม่ต้องการข้อผูกมัด แค่อยากทำก็เท่านั้น”

ทั้งที่เป็นผู้ใหญ่กว่า กลับอึ้งในความคิดของคนที่ยังเยาว์ “…นายอายุแค่นี้…ใช้ชีวิตสุดโต่งเกินไปไหม”

“เพราะมี ‘ความเชื่อ’ อยู่ครับ” ริมฝีปากยิ้มบาง ในแววตาไร้ความลังเล “เชื่อว่าอยากได้หรืออยากทำอะไรควรรีบไขว่คว้าเอาไว้ ชีวิตถึงจะสนุกยังไงล่ะ”

วาสโก้รู้สึกถึงความร้อนผ่าวแล่นขึ้นมาจากภายใน ตามจังหวะของมือเย็นที่เคลื่อนจากต้นแขนขึ้นมายังหัวไหล่ ก่อนจะไล้ลงไปแผ่วเบาตามแผงอกกำยำ

“หิมะมีวันละลาย…” กระซิบด้วยเสียงนุ่มนวล ต่างกับปลายนิ้วที่กดคลึงผิวกายแกร่ง “ดังนั้นควรเล่นสนุก…ก่อนที่มันจะหายไปนะครับ”

หิมะงั้นหรือ…ในห้องเก็บฟืนแห่งนี้ มันหนาวเกินไป

อ้อมแขนใหญ่จึงช้อนร่างเล็กขึ้นอุ้ม…

“ตัวนายเย็น” วาสโก้เอ่ยเสียงต่ำขณะนั่งลงบนโซฟา เขามองมือขาวสั่นเทาแล้วตัดสินใจช่วยปลดกระดุมเสื้อโค้ทให้…แต่ครั้งนี้เลยเถิดไปถึงการถกเสื้อสเวตเตอร์ตัวในออก

“เดี๋ยวก็อุ่นขึ้นแล้วครับ” เนเว่หัวเราะคิกเมื่อแกล้งซุกมือเย็นๆ เข้าไปใต้เสื้อแล้วอีกฝ่ายสะดุ้ง เขาแอบชื่นชมรอยสักรูปปีกบนแผงอกกว้างด้วยปลายนิ้ว

“ซนนักนะ…” คนถูกแกล้งกัดฟันกรอดและถอดเสื้อของตัวเองออก เขาเอาคืนด้วยการปลดกางเกงร่างเล็ก ขาขาวนั้นเรียวได้รูปเกินกว่าที่เขาคาด หากสะดุดเข้ากับเท้าปลอมข้างขวา “…นี่ต้องถอดด้วยหรือเปล่า”

“รังเกียจคนพิการรึเปล่าครับ” นัยน์ตาสีฟ้ามีแววกังวล

“มันไม่เกี่ยวกับความพิการเสียหน่อย” บอกพลางไล้นิ้วไปตามรอยต่อระหว่างผิวเนื้อ สายรัด และไม้ ค่อยๆ รูดกางเกงออกจนพ้นทาง “แค่ถามว่านายสะดวกแบบไหน”

“เท้านั่น…ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของตัวผม” ร่างที่เริ่มขยับสะดวกเพราะคลายหนาวบ้างแล้วยันตัวลุกขึ้น  ก่อนจะย่อตัวลงหน้าโซฟา “อีกอย่างถ้าไม่มีเท้า…คงทรงตัวลำบาก”

วาสโก้หายใจหนักขึ้นเมื่ออีกฝ่ายนั่งอยู่ระหว่างขา เขาไม่เคยมีอะไรกับเด็กผู้ชายตัวแค่นี้ นี่อาจจะเป็นสาเหตุให้ตื่นเต้นกว่าปกติ ตอนที่ปลายนิ้วเล็กเกี่ยวขอบกางเกงลงแล้วกอบกุมส่วนกลางเอาไว้ เขาตื่นตัวอย่างง่ายดาย…อาจจะเพราะไม่ได้ปลดปล่อยมานานด้วย…เถียงตัวเองอยู่ในใจ หากความจริงที่เกิดอารมณ์แล้ว อย่างไรก็หนีไม่พ้น…

เนเว่เหมือนเด็กน้อยได้ของเล่น เขารูดคลึงความร้อนนั้นอย่างสนุกมือ มองมันสั่นราวกับหนาวทั้งที่ร้อนจัดดั่งท่อนฟืน แก้มขาวซับสีแดงเรื่อ

“ต้อง…อมไหมครับ” ถามอย่างลังเล

คนฟังขมวดคิ้ว หายใจหนัก “ถามออกมาได้ อยากทำไรก็ทำ”

“งั้นไม่อมแล้วกัน” ตอบพลางยิ้มแหย “ปากผมคงอ้าไม่ไหว”

ไอ้เด็กบ้า…หลอกให้อยากแล้วไม่ทำเสียอย่างนั้น

เหมือนถูกเด็กแกล้ง ผู้ใหญ่จึงหาเรื่องลงโทษ วาสโก้ฉุดแขนเพรียว ดึงให้ขึ้นมานั่งคร่อมบนตัก พอใจที่ได้เห็นใบหน้านั้นแดงจัดเพราะไม่ทันตั้งตัว…เขาดันท่อนลำร้อนระอุถูไถบั้นท้ายขาว เหนี่ยวเอวเล็กให้แนบเข้ามา รู้สึกถึงท่อนลำขนาดย่อมตื่นตัวเบียดชิดหน้าท้องแกร่ง

“ปากบนไม่ไหว แล้วปากล่างล่ะ” ถามพลางขยับเอวหยาบโลน

เนเว่กลั้นเสียงครางในลำคอ วางมือลงบนบ่ากว้าง…แล้วโยกเอวตอบสนอง “…ต้องทำให้ชื้นก่อนครับ…แล้วก็ มีถุงยางหรือเปล่า”

วาสโก้เดาะลิ้น เขาล้วงมือลงไปในซอกข้างโซฟา คีบซองฟอยด์สีเงินขึ้นมาชูให้เห็น แล้วต้องรู้สึกลำคอแห้งผาก เมื่อเนเว่โน้มตัวมาจูบปลายนิ้วก่อนจะใช้ฟันคาบมุมซองเอาไว้แน่น…ดึงฟอยด์ให้ฉีกออกช้าๆ ยั่วยวนสายตา…

ซองเปล่าหล่นลงพื้น มือใหญ่สวมถุงยางอย่างชำนาญ ตื่นเต้นกับลีลาอันคาดเดาไม่ได้ของเด็กน้อย…น่าอร่อยเสียจนอดใจไม่ไหว

เนเว่เบิกตาเมื่อถูกคว้าต้นคอ ริมฝีปากที่ยังไม่ทันได้แตะต้องเมื่อตอนกลางวัน ตอนนี้แนบประกบอย่างจาบจ้วง…รู้สึกเหมือนถูกกินเมื่อเรียวลิ้นแทรกเข้าหา

ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่นาที ลมหายใจสองร่างร้อนผ่าวจนแทบลวกผิวหน้า ริมฝีปากเล็กเป็นฝ่ายเบี่ยงหลบก่อนเพราะทนไม่ไหวกับความวาบหวามไม่รู้จบ เลี่ยงไปซุกใบหน้าลงกับบ่ากว้าง แอบกัดเบาๆ ข้างลำคอหนาคล้ายต่อว่า

ทว่าการฝังคมเขี้ยว ถูกเอาคืนด้วยการสอดนิ้วใหญ่เข้าไปในช่องทางแน่น…เอวเล็กบิดวน สองมือข่วนแผ่นหลังใหญ่ขณะปรับตัวให้ผ่อนคลาย

วาสโก้ถอนนิ้วออก ใช้น้ำลายเป็นตัวช่วยแล้วเพิ่มเติมเข้าไปอีกหนึ่งนิ้ว… “ลื่นพอหรือยัง”

คำตอบที่ได้คือการพยักหน้ากับบ่า เนเว่ถอนหายใจก่อนจะขยับยืนด้วยเข่าบนโซฟา…แล้วค่อยๆ ลดสะโพก ครอบช่องทางรอบท่อนลำร้อน…

พอเห็นเด็กน้อยเม้มปากคล้ายทรมาน วาสโก้อดไม่ได้ที่จะถาม “ไหวรึเปล่า…”

ริมฝีปากเล็กกระซิบ “ผม…ไม่เคย”

คนฟังเบิกตา…นี่เขาเปิดซิง—

“ไม่เคย…เอากับขนาดใหญ่แบบนี้”

ไอ้…เด็กบ้า…

วาสโก้ชักสงสัยว่าตัวเองต่อว่าเนเว่ในใจไปกี่รอบแล้ว เขายิ้มกับตัวเอง ก่อนจะเคล้นคลึงและแหวกเนินเนื้อออก กระดกเอวสอดร่างเข้าไปจนเต็มเปี่ยม…เสียวซ่านจนเผลอสูดปาก

เนเว่ร้องลั่น ซบหน้าลงกับบ่ากว้าง จิกแผ่นหลังใหญ่พลางบิดเอว “อย่าขยับ…อย่าแกล้งผม”

“แค่ช่วยให้เข้าที่เข้าทางเร็วขึ้น” ผู้ใหญ่ใจร้ายคำรามในลำคอ “ถ้าไม่รีบทำ เดี๋ยวฉันหมดความอดทนแล้วทำเองนะ”

เสียงประท้วงดังฮือ วาสโก้กัดใบหูคนหนีหน้าเป็นเชิงเร่ง

เหมือนจะปรับตัวได้แล้ว เนเว่จึงเงยหน้าขึ้นจากบ่า หยาดน้ำคลอนัยน์ตา มือเล็กประสานกันอยู่หลังลำคอใหญ่ ก่อนจะค่อยๆ ขยับเอวรูดรัดแก่นกายภายในช่องทาง…จากเนิบช้าเป็นเร่าร้อน เอวบางบดร่อนไม่ออมแรง

วาสโก้หอบหนัก สุขสมจนเผลอเลียริมฝีปาก สองมือลูบไล้ไปตามร่างกายขาวโพลนซึ่งกำลังควบขี่เขาอยู่ เมื่อทนเฉยไม่ไหวจึงกระดกเอวสวนย้ำๆ เนเว่กัดฟันแน่น เข่าที่เป็นหลักยันทรุดฮวบ ซบหน้าลงกับอกกว้าง ท่าทางเหมือนไปต่อไม่ไหว

“ตาฉันบ้าง” พูดพลางเหวี่ยงร่างเล็กลงนอนกับโซฟา

“ผมไม่ชอบท่านี้…” เพราะมันรู้สึกว่าตนเองไม่ใช่ผู้คุมเกม

เสียงค้านส่งไปไม่ถึง แถมถูกจับตรึงทันทีที่ขยับหนี เอวใหญ่แทรกเข้ามากลางหว่างขาเรียว ช่องทางเล็กคล้ายจะประท้วงเมื่อถูกรุกราน แต่ต่อต้านความใหญ่โตไม่ไหว…สองร่างสอดใส่แนบสนิทอีกครั้ง…แล้วเริ่มขยับเร่าร้อนอีกหน

เนเว่ยันแผ่นอกของคนที่ขย่มอยู่บนร่าง หากความวาบหวามทำให้หมดแรงค้ำ วาสโก้ทาบทับร่างเล็กจนมิด กระแทกกระทั้นรัวเร็ว…เสียงหยาบคายดังก้องบ้านไม้ซุง… เขาไล่จูบริมฝีปากร้อนแดงราวกับสัตว์ป่าล่าเหยื่อ บังคับให้ชิมรสชาติของผู้ใหญ่อันแสนมัวเมากามา

แม้จะมีถุงยางกั้น หากสิ่งที่วาสโก้ปล่อยออกมายามถึงจุดหมายยังร้อนจัดแทบลวกภายใน…เนเว่หลับตาแน่น สั่นเกร็งและปลดปล่อยตาม…ระหว่างหน้าท้องกำยำและหน้าท้องเรียบบางจึงเปรอะเปื้อน…

คนตัวใหญ่ผละออกเมื่อหายเหนื่อย…นัยน์ตาสีฟ้าเหม่อมองเพดาน…โหวงหวิวเมื่อทุกอย่างจบลง…

ก่อนจะอุทานออกมาเมื่อถูกช้อนตัวขึ้นอุ้ม

“นายคงไม่คิดจะหลับบนโซฟาหรอกนะ” วาสโก้บอกเมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม

“ผมก็นอนตรงนี้ทุกคืน…” เนเว่ย่นคิ้ว

“…โซฟามันเลอะแล้ว ไปนอนบนเตียงกัน” ผู้ใหญ่ให้เหตุผล

“แต่ตัวพวกเราก็เลอะ…” หนุ่มน้อยยังค้าน

วาสโก้หรี่ตา…แล้วออกเดิน

“งั้นไปทำให้เตียงเลอะด้วยแล้วกัน”

TBC

 

6.

หลายวันถัดมา ไฟฟ้าใช้การได้อีกครั้งตามข่าวของผู้ที่โทรมาหา

ทว่า…ดวงไฟในบ้านไม้ซุง กลับไม่ค่อยได้เปิดใช้งานเท่าไหร่…เพราะเจ้าของบ้านและผู้อาศัยไม่ได้ทำกิจกรรมที่ต้องใช้แสงไฟมากนัก

เกือบเที่ยงแล้ว แต่สองคนยังนอนอยู่บนเตียง เนเว่รู้สึกตัวตื่นก่อน ความหิวทำให้ต้องตะกายออกมาจากใต้ท่อนแขนใหญ่ คว้าเสื้อผ้าที่กองอยู่บนพื้นขึ้นสวมแล้วเดินด้วยท่าทางขัดยอกไปที่ครัว โชคดีตู้เย็นใช้งานได้ ไม่อยากนึกถึงความลำบากถ้าเขาต้องไต่ลงไปห้องใต้ดิน

เสบียงที่พร่องลงไปมาก ทำให้สามวันก่อนวาสโก้ตัดสินใจออกไปล่าสัตว์ ผู้อาศัยร้องจ๊ากเมื่อเจ้าของบ้านกลับมาพร้อมกวางไร้หัวขนาดใหญ่กว่าตัวเขา นายพรานจำเป็นบอกว่ายิงมันด้วยปืน Smith & Wesson 500 magnum ที่มีอยู่…ปืนรุ่นนี้ทะลวงอิฐบล็อกได้สบาย สภาพเนื้อที่ได้เลยไม่สวยนักจนต้องตัดหัวทิ้ง และแม้การยิงกวางในระยะปืนพกจะเป็นเรื่องอันตราย แต่ในเมื่อคนลงมือตัวใหญ่ปานหมีควาย เนเว่จึงไม่กล้าท้วง…

สตูเนื้อกวางถูกอุ่นจนควันกรุ่น คนทำลงมือกินก่อนโดยไม่รอ เมื่ออิ่มท้องแล้วจึงกลับไปยังห้องนอน

“ตื่นสิครับ ผมอุ่นมื้อเช้าให้แล้ว” เรียกพลางดึงผ้าห่มและผ้าปูที่นอน “จะเอาผ้าไปซัก”

“ฮืม…” วาสโก้ตอบแค่นั้นแล้วทำท่าจะจำศีลต่อ

เนเว่จึงกลั้นใจแล้วดึงสุดแรง กระชากผ้าปูจนร่างใหญ่กลิ้งไปอีกทาง

คนขี้เซายอมลุกในที่สุด มองอีกฝ่ายม้วนผ้าด้วยดวงตาหรี่ปรือ “จะรีบซักไปถึงไหน”

“ตอนนี้เครื่องซักผ้าใช้ได้ ต้องฉวยโอกาสไว้ก่อนสิครับ” ตอบเสร็จจึงเดินเข้าไปในห้องน้ำที่แบ่งมุมซักล้างไว้มุมหนึ่ง โกยผ้าใส่ถังแล้วชะงัก “เดี๋ยวรอชุดของพวกเราด้วยดีกว่า”

วาสโก้ซึ่งกำลังสวมกางเกงอยู่หันมา “เอาไปเลยมั้ยล่ะ”

เนเว่ปิดตาตัวเอง “…กรุณาไปนั่งกินแบบไม่อนาจารครับ”

“เห็นกันหมดทุกส่วน ตอนนี้ทำมาไม่อยากมอง” ฝ่ายกึ่งเปลือยหัวเราะ ยกมือขึ้นลูบคางที่รกครึ้มด้วยหนวดเครา ใส่เสื้อเพิ่มอีกตัวก่อนจะเดินออกไปยังครัว

คนตื่นสายค่อยๆ ตักอาหารกินอยู่บนโต๊ะ ในขณะที่อีกคนกำลังง่วนอยู่กับการแบ่งเนื้อกวาง เตรียมจะทำมื้อต่อไป…ผ่านไปครู่นึงวาสโก้จึงกินเสร็จ เขาเดินมาวางจานที่ซิงค์ เนเว่ขยับมาล้างให้โดยไม่ต้องขอ

ช่างเอาใจ…แต่คนได้รับบริการเกิดอยากแกล้งขึ้นมาเพราะหมั่นเขี้ยว เขาจับเอวเล็กแล้วดึงกางเกงให้ลงไปกองที่ข้อเท้า ทำเอาคนล้างจานอยู่สะดุ้งเฮือก

“ทำอะไรน่ะครับ” ถามพร้อมคิ้วขมวดแน่น

“เห็นบอกว่าจะเอาผ้าไปซัก เลยช่วยไง” ตอบพลางยิ้มร้ายกาจมุมปาก

“หลังอาบน้ำต่างหาก” เนเว่บอกแล้วก้มลงดึงกางเกงกลับที่

วาสโก้เดาะลิ้น ขยับเข้าหาทำท่าจะอุ้ม แต่อีกฝ่ายเขยิบหนีไม่ยอมให้แตะ “ไปอาบด้วยกันไง ประหยัดเวลา”

“ไม่เอาครับ ชอบอาบคนเดียว” เพราะยังเมื่อยขบไปทั้งตัวจึงรีบปฏิเสธ

“ไหนบอกว่าอยากทำอะไรต้องรีบทำ รีบตักตวงยังไงล่ะ” คนแก่กว่าแสยะยิ้ม

“ทำทุกวันก็ไม่ไหวนะครับ” ตอบพร้อมเบ้ปากและเดินหนี

กิจกรรมหมีไล่จับกระต่ายจึงเริ่มขึ้น เท้าปลอมส่งเสียงป๊อกๆ กระแทกพื้นแรงกว่าปกติเมื่อเจ้าของวิ่งหนี มีเสียงเท้าจริงไซส์ใหญ่ย่ำตึงตังไล่ตาม

ทว่าอยู่ๆ เนเว่ก็หยุดกะทันหัน วาสโก้เบรกไม่ทันชนเข้าจนเกือบล้มคว่ำ

“อะไร ยอมแพ้แล้วเหรอ” แขนใหญ่รัดเข้าที่ลำคอบาง

“อ๊อก…เดี๋ยวก่อน ฟังสิครับ” นัยน์ตาสีฟ้ามองไปยังหน้าต่างที่ถูกปิด

วาสโก้ลองเงี่ยหูฟัง…จริงด้วย เสียงลมแรงที่โหมพัดมานานเงียบหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ นี่เขาลืมใส่ใจดินฟ้าอากาศขนาดนี้เลยเหรอ “พายุหยุดเสียที”

“ไม่ใช่ครับ เสียงจากถนน” คนหูดีกว่าบอกเพิ่ม “เสียงเหมือนเครื่องยนต์รถบรรทุก”

จบคำ เจ้าของบ้านและผู้อาศัยจึงเดินไปยังประตูหน้า คว้าพลั่วออกมาโกยหิมะเปิดทาง ความตื่นเต้นทำให้พวกเขาลืมหนาว

เพราะปลายสายตาไกลลิบ รถกวาดหิมะกำลังกรุยทางเปิดถนนใหญ่ระหว่างเมืองอยู่

“พวกเรารอดตายแล้ว!” เนเว่กำหมัดอย่างดีใจ

“ใกล้พ้นฤดูหนาวแล้วสินะ” วาสโก้ยิ้มออกมา ฤดูกาลอันโหดร้ายที่สุดบนภูเขากำลังจะจบลง

“คิดถึงขนมปังอุ่นๆ คิดถึงผักสดๆ” เพราะกินแต่อาหารกระป๋อง ของแห้งและเนื้อแช่แข็งมานาน จึงโหยหาของสดเป็นพิเศษ “พรุ่งนี้เราไปในเมืองกันไหมครับ”

“ต้องช่วยกันตักหิมะก่อน ไม่งั้นเอารถออกไม่ได้” เจ้าของบ้านบอก “ปีก่อนฉันตักอยู่วันนึงเต็มๆ กว่าจะเปิดทางไปถึงถนนด้านล่าง”

“งั้นเราเริ่มงานกันตั้งแต่วันนี้เลย!” บอกด้วยดวงตาเป็นประกาย

“จะรีบไปไหน…กลับไปเรียนต่อเหรอ” คนแก่กว่าถามเพราะจำได้

ถึงตรงนี้ เนเว่เงียบไป…สูดหายใจ แล้วพูดต่อ

“อันที่จริงเรื่องงานวิจัยที่ผมบอกคุณตอนแรก…ผมโกหกครับ” เสียงสารภาพแผ่วเบาแทบจะกลืนไปกับสายลม “ผมดรอปเรียนเอาไว้เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม เลยคิดจะทำงานก่อนแล้วค่อยไปเรียนต่อ”

คนฟังไม่ได้แสดงสีหน้าแปลกใจอะไร “ถ้าไม่ได้มาวิจัย แล้วนายมาทำอะไรบนภูเขา”

“หาที่สำหรับเล่นสกีกับเพื่อนครับ” พูดพลางยกแขนกอดตัวเอง ชักเริ่มจะหนาว “ผมสมัครงานเอาไว้ที่หนึ่ง มีเวลาว่างก่อนเริ่มงานหนึ่งสัปดาห์ เพื่อนๆ เลยชวนหาอะไรทำฆ่าเวลา แต่จะไปรีสอร์ทสกีโดยเฉพาะต้องใช้เงินมาก เลยตกลงกันว่าพวกเขาจะไปหาอุปกรณ์มือสอง ส่วนผมออกมาหาทำเลเหมาะๆ แต่ละคนเป็นมือใหม่หัดเล่น เลยเลือกแถวนี้ซึ่งเป็นเนินไม่สูง…แต่…ก็อย่างที่เจอ พลัดตกลงมาให้คุณเดือดร้อนต้องเก็บมาเลี้ยง”

วาสโก้ยกมือขึ้นจับหัวอีกฝ่ายโยกไปมา “คนที่เดือดร้อนไม่ใช่ฉันหรอก พ่อแม่นายมากกว่า”

“ตอนโทรบอกโดนสวดจนหูชาเลย” เด็กหลงทางหัวเราะแห้งๆ หลังจากวันที่โทรศัพท์ใช้การได้ เขารีบส่งข่าวให้ครอบครัวคลายกังวลแล้ว

“แล้ว…งานล่ะ” เขาได้ยินอยู่เมื่อครู่ว่ามีระยะก่อนเริ่มงานหนึ่งสัปดาห์ แต่นี่เวลาเกินมาเป็นเดือนๆ

“ผมโทรไปถาม…เขารับคนใหม่มาแทนแล้วล่ะ” บอกด้วยเสียงเศร้าๆ “แต่ชีวิตต้องดำเนินต่อไป แค่หางานใหม่อีกครั้ง”

เจ้าของบ้านเงียบไปหลายนาที

ก่อนจะกระแอมในลำคอแล้วพูด  “…นายรู้รึเปล่าว่างานของฉันต้องดูแลพื้นที่กว้างขนาดไหน”

คนข้างกายส่ายหน้า

“ที่ดินนี้เป็นรูปสามเหลี่ยม มีมุมสามมุมคือทิศใต้ตรงที่พวกเราอยู่ ภูเขาลูกนั้นทางตะวันตก และภูเขาลูกนั้นทางตะวันออก”

“กว้างมาก…” เนเว่มองตาม ประเมินด้วยสายตาคงไม่ต่ำกว่าสิบตารางกิโลเมตร

“แล้วคิดว่าฉันคนเดียวดูแลได้หมดเหรอ” วาสโก้ถาม เกาหลังคอก่อนจะพูดต่อ “…เลยคิดจะเสนอเจ้านาย ให้เขาจ้างคนเพิ่มอีกสักคน”

นัยน์ตาสีฟ้ากะพริบปริบ ก่อนจะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไรจึงยิ้มกริ่มมุมปาก “แบบนี้เรียกว่าอยากให้ผมอยู่ต่อรึเปล่าครับ”

“เสนองานให้ต่างหาก” คนชักชวนยิ้มกลับ “ตกลงไหม”

“ยังไงผมก็ว่างอยู่แล้ว…” คนถูกชวนคิดอยู่อึดใจ ก่อนจะตอบ “ฝากตัวด้วยนะครับ”

“เด็กดี…” วาสโก้ผิวปากอย่างอารมณ์ดี

“ว่าแต่ ต้องเตรียมเอกสารหรือหลักฐานอะไรเป็นพิเศษไหมครับ—

พูดไม่ทันจบ เจ้าของบ้านคว้าร่างเล็กกว่าขึ้นอุ้ม “ไปอาบน้ำกันดีกว่า”

“เดี๋ยวสิ ยังไม่ตอบผมเลยว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง เหวอออ” เนเว่ร้องลั่นเมื่อถูกจับพาดบ่า หัวห้อยไปมา

“ไว้เดี๋ยวฉันจัดการให้เอง”

ซึ่งนั่นไม่ใช่คำสัญญา…เพราะวาสโก้ไม่มีคำตอบแน่นอนให้กับการจ้างงานที่อุปโลกขึ้นเอง…

TBC

  • ตอน 5 นั้นติดเรท กรุณาอ่านแบบระวังหลังนะคะ #มาเตือนอะไรตรงนี้ยยยยยย์
  • จะเห็นว่าทั้งคู่…พอกันค่ะ orz คือ โกหกใส่กันทั้งคู่ ไวไฟทั้งคู่ กรั่กๆๆๆ 
  • ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์แบบนี้จะดำเนินไปถึงเมื่อไหร่…ก็…ฝากติดตามด้วยนะคะ ,,- -,,

Comments on: "[Novel] Be[lie]ve. – 5&6" (2)

  1. เกตู้ว said:

    ……เว่เป็นหนุ่มแล้ว/ ตี่จะไม่ว่าอะไร – -)+
    รออ่านว่าหนุ่มมาซุ่มทำอะไรนะก๊ะ

    • เว่ : …..ผ…ผมว่าตอนทำ….ไม่น่ามีใครเห็นนะ #กร๊ากกกกกกเก๊าขำไม่ไหวววววแล้วววว

Leave a comment